เซ็นเซอร์แม่เหล็กในระบบนำทางและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์

สำรวจว่าเซ็นเซอร์แม่เหล็กช่วยขับเคลื่อนการนำทางที่แม่นยำและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ในอุปกรณ์ของคุณ ได้อย่างไร

เซ็นเซอร์แม่เหล็กในระบบนำทางและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์

เซ็นเซอร์แม่เหล็ก (Magnetic Sensors) คือตัวแปลงสัญญาณที่ตรวจจับ วัด และแปลงสนามแม่เหล็กเป็นสัญญาณไฟฟ้า ในระบบนำทาง หน้าที่หลักของ เซ็นเซอร์  คือ การตรวจจับสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งเป็นตัวอ้างอิงทิศทางที่สำคัญ แตกต่างจาก GPS ที่ให้ข้อมูลตำแหน่ง และมีความน่าเชื่อถือน้อย เมื่อใช้งาน ภายในอาคาร หุบเขาลึก หรือในเมือง อีกทั้งเซ็นเซอร์วัดแรงเฉื่อย (Inertial sensors) มักเกิดการดริฟต์ เมื่อเวลาผ่านไปเซ็นเซอร์แม่เหล็กจึงต้องส่ง สัญญาณบอกทิศทางที่เสถียรเทียบกับทิศเหนือแม่เหล็ก ความสามารถนี้จึงเป็น รากฐานสำคัญของเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ หรือ e-compass ซึ่งกลายเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ใช้งาน ระบบยานยนต์ อากาศยานไร้คนขับ (UAV) และการนำทางทางทะเล (Marine Navigation)

เทคโนโลยีหลัก: จาก AMR สู่ TMR

เทคโนโลยีอย่างแมกนีโตมิเตอร์แบบโซลิดสเตต (Solid-state magnetometer) ทำให้เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ (e-compass) สมัยใหม่เกิดขึ้น และเซ็นเซอร์แอนไอโซทรอปิกแมกนีโตรีซิสแทนซ์ (AMR: Anisotropic Magnetoresistance) ที่ใช้ฟิล์มเฟอร์โรแมกนีโตเรซิสแทนซ์ขนาดบาง (Ferromagnetic Films) ด้วยคุณสมบัติต้านทานทางไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตามมุมที่สัมพันธ์กับสนามแม่เหล็ก ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการรับรู้ไว (Sensitivity) การใช้พลังงาน (Power Consumption)  และต้นทุน เซ็นเซอร์เหล่านี้ถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในยานยนต์และสมาร์ทโฟน 

เซ็นเซอร์แบบเทอนอลแมกนีโตรีซิสแทนซ์ (Tunnel Magnetoresistance: TMR) มีการวิจัยพัฒนามากขึ้น ใช้โครงสร้าง magnetic tunnel เพื่อให้ไวและ มีอัตราส่วน signal-to-noise ratio ที่สูงขึ้น ลดขนาดให้เล็กลง เหมาะสำหรับ การใช้งานที่ต้องการความไวสูงเช่น การสำรวจทางธรณีวิทยาด้วยแมกนีโตมิเตอร์ อุปกรณ์เหล่านี้ใช้แกนแม่เหล็กที่ทนทานและขดลวดเหนี่ยวนำเพื่อวัดสนามแม่เหล็กค่าอ่อนด้วยความแม่นยำสูง แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วขนาดที่ใหญ่กว่าจะใช้พลังงาน มากกว่าแบบโซลิดสเตตก็ตาม

สถาปัตยกรรมของระบบเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ (The Architecture of an Electronic Compass System)

เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานได้จริงมีลักษณะการทำงานที่ซับซ้อนกว่าแมกนีโตมิเตอร์แบบแกนเดี่ยว ด้วยเวกเตอร์สนามแม่เหล็กของโลกเป็นสามมิติ กล่าวคือ แมกนีโตมิเตอร์แบบสามแกนจำเป็นต่อการบันทึกทิศทางทั้งหมดของสนามแม่เหล็กโดยไม่คำนึงถึงวิธีการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ ส่วนที่สำคัญคือ ข้อมูลดิบจาก แมกนีโตมิเตอร์มักถูกรบกวนด้วยความบิดเบือนของสัญญาณ (Distortion) จากทั้ง เหล็กแข็ง และ เหล็กอ่อน ความบิดเบี้ยวของเหล็กแข็งเกิดจากสนามแม่เหล็ก ถาวรอันมีผลมาจากส่วนประกอบต่างๆ เช่น ลำโพง แม่เหล็ก ส่วนความบิดเบี้ยว ของเหล็กอ่อนเกิดจากวัสดุเฟอร์โรแมกเนติกเปลี่ยนรูปร่างและความแรงของสนาม แม่เหล็กในพื้นที่ 

การแก้ไขปัญหานี้ ระบบเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนได้รวมเอามาตร ความเร่งแบบสามแกน (triple-axis accelerometer)เข้าไว้ด้วยกัน จากนั้น แมกนีโตมิเตอร์จะคำนวณความเอียงของอุปกรณ์ (พิทช์และโรล) เทียบกับ แรงโน้มถ่วง ทำให้ระบบสามารถหมุนเวกเตอร์สนามแม่เหล็กที่วัดได้ ทางคณิตศาสตร์จากโครงสร้างของอุปกรณ์ไปยังระนาบแนวนอนของโลก เรียกกระบวนการนี้ว่า “การชดเชยความเอียง (tilt compensation)”

การ Calibration เพื่อเอาชนะสัญญาณรบกวนในสภาพแวดล้อมต่างๆ

การคำนวณทิศทางที่แม่นยำจะเป็นไปไม่ได้เลย หากปราศจากอัลกอริทึมที่ใช้ Calibration อย่างมีประสิทธิภาพ การ Calibration เกี่ยวข้องกับการกำหนดลักษณะ เฉพาะและการแก้ไขผลกระทบจากเหล็กแข็งและเหล็กอ่อน วิธีที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้ คือ การปฏิบัติตามข้อกำหนด โดยให้ผู้ใช้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ในรูปแบบเฉพาะต่างๆ (เช่น รูปเลขแปด) ในอากาศ เพื่อให้ระบบสามารถรวบรวมข้อมูลแม่เหล็กจากทุกทิศทุก ทางได้ จากนั้นอัลกอริทึมจะปรับรูปทรงวงรีให้เข้ากับข้อมูลนี้ในสภาพแวดล้อม ที่พอเหมาะและปราศจากการบิดเบือนสัญญาณ ข้อมูลจะก่อตัวเป็นทรงกลม ที่สมบูรณ์แบบ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุดกำเนิด ซึ่งพารามิเตอร์ Calibration จะเปลี่ยนรูปทรงรีที่บิดเบี้ยวกลับเป็นทรงกลม เพื่อแก้ไขการบิดเบือนของแม่เหล็ก ในพื้นที่ กระบวนการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการรักษาความแม่นยำของอุปกรณ์ เมื่อนำไปวางในสภาพแวดล้อมใหม่เช่น โทรศัพท์ในรถ โดรนบรรทุกที่มีน้ำหนัก เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นต้น

การผสานหลายเซ็นเซอร์รวมเข้ากับระบบนำทาง (Integration in Multi-Sensor Navigation Systems)

ระบบนำทางสมัยใหม่ไม่สามารถพึ่งพาเซ็นเซอร์เพียงตัวเดียวได้ ในระบบนำทางเฉื่อย (INS: Inertial Navigation System) ข้อมูลจากไจโรสโคป และเครื่องวัดความเร่งจะถูกรวมเข้ากับข้อมูลแมกนีโตมิเตอร์ โดยใช้อัลกอริทึม การรวมเซ็นเซอร์ โดยทั่วไปแล้วคือ ตัวกรอง คาลมาน (Kalman filter) โดย ไจโรสโคปให้ข้อมูลการหมุนระยะสั้นความถี่สูง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีการดริฟท์ เกิดขึ้น แมกนีโตมิเตอร์จะให้ข้อมูลอ้างอิงทิศทางที่แน่นอน และเสถียรภาพในการ แก้ไขการดริฟท์ของไจโรสโคปนี้ แต่อาจจะมีสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กด้วย ความถี่ต่ำ และสัญญาณรบกวนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตัวกรองคาลมานนี้จะผสมผสาน ข้อมูลเสริมต่างๆ เข้าด้วยกันให้เหมาะสมที่สุด ทำให้ได้ค่าประมาณทิศทางที่ เสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้น การผสมผสานรวมกันของเซ็นเซอร์หลากหลายชนิดนี้ จึงเป็นพื้นฐานสำคัญต่อประสิทธิภาพของหุ่นยนต์อัตโนมัติ (Autonomous Robots) แอปพลิเคชัน Augmented Reality และระบบคำนวณระยะทางในสมาร์ทโฟน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

เซ็นเซอร์แม่เหล็กในระบบนำทางและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์

สำรวจว่าเซ็นเซอร์แม่เหล็กช่วยขับเคลื่อนการนำทางที่แม่นยำและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ในอุปกรณ์ของคุณ ได้อย่างไร

นักเขียนบทความ
by 
นักเขียนบทความ
เซ็นเซอร์แม่เหล็กในระบบนำทางและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์

เซ็นเซอร์แม่เหล็กในระบบนำทางและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์

สำรวจว่าเซ็นเซอร์แม่เหล็กช่วยขับเคลื่อนการนำทางที่แม่นยำและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ในอุปกรณ์ของคุณ ได้อย่างไร

เซ็นเซอร์แม่เหล็ก (Magnetic Sensors) คือตัวแปลงสัญญาณที่ตรวจจับ วัด และแปลงสนามแม่เหล็กเป็นสัญญาณไฟฟ้า ในระบบนำทาง หน้าที่หลักของ เซ็นเซอร์  คือ การตรวจจับสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งเป็นตัวอ้างอิงทิศทางที่สำคัญ แตกต่างจาก GPS ที่ให้ข้อมูลตำแหน่ง และมีความน่าเชื่อถือน้อย เมื่อใช้งาน ภายในอาคาร หุบเขาลึก หรือในเมือง อีกทั้งเซ็นเซอร์วัดแรงเฉื่อย (Inertial sensors) มักเกิดการดริฟต์ เมื่อเวลาผ่านไปเซ็นเซอร์แม่เหล็กจึงต้องส่ง สัญญาณบอกทิศทางที่เสถียรเทียบกับทิศเหนือแม่เหล็ก ความสามารถนี้จึงเป็น รากฐานสำคัญของเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ หรือ e-compass ซึ่งกลายเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ใช้งาน ระบบยานยนต์ อากาศยานไร้คนขับ (UAV) และการนำทางทางทะเล (Marine Navigation)

เทคโนโลยีหลัก: จาก AMR สู่ TMR

เทคโนโลยีอย่างแมกนีโตมิเตอร์แบบโซลิดสเตต (Solid-state magnetometer) ทำให้เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ (e-compass) สมัยใหม่เกิดขึ้น และเซ็นเซอร์แอนไอโซทรอปิกแมกนีโตรีซิสแทนซ์ (AMR: Anisotropic Magnetoresistance) ที่ใช้ฟิล์มเฟอร์โรแมกนีโตเรซิสแทนซ์ขนาดบาง (Ferromagnetic Films) ด้วยคุณสมบัติต้านทานทางไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตามมุมที่สัมพันธ์กับสนามแม่เหล็ก ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการรับรู้ไว (Sensitivity) การใช้พลังงาน (Power Consumption)  และต้นทุน เซ็นเซอร์เหล่านี้ถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในยานยนต์และสมาร์ทโฟน 

เซ็นเซอร์แบบเทอนอลแมกนีโตรีซิสแทนซ์ (Tunnel Magnetoresistance: TMR) มีการวิจัยพัฒนามากขึ้น ใช้โครงสร้าง magnetic tunnel เพื่อให้ไวและ มีอัตราส่วน signal-to-noise ratio ที่สูงขึ้น ลดขนาดให้เล็กลง เหมาะสำหรับ การใช้งานที่ต้องการความไวสูงเช่น การสำรวจทางธรณีวิทยาด้วยแมกนีโตมิเตอร์ อุปกรณ์เหล่านี้ใช้แกนแม่เหล็กที่ทนทานและขดลวดเหนี่ยวนำเพื่อวัดสนามแม่เหล็กค่าอ่อนด้วยความแม่นยำสูง แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วขนาดที่ใหญ่กว่าจะใช้พลังงาน มากกว่าแบบโซลิดสเตตก็ตาม

สถาปัตยกรรมของระบบเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ (The Architecture of an Electronic Compass System)

เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานได้จริงมีลักษณะการทำงานที่ซับซ้อนกว่าแมกนีโตมิเตอร์แบบแกนเดี่ยว ด้วยเวกเตอร์สนามแม่เหล็กของโลกเป็นสามมิติ กล่าวคือ แมกนีโตมิเตอร์แบบสามแกนจำเป็นต่อการบันทึกทิศทางทั้งหมดของสนามแม่เหล็กโดยไม่คำนึงถึงวิธีการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ ส่วนที่สำคัญคือ ข้อมูลดิบจาก แมกนีโตมิเตอร์มักถูกรบกวนด้วยความบิดเบือนของสัญญาณ (Distortion) จากทั้ง เหล็กแข็ง และ เหล็กอ่อน ความบิดเบี้ยวของเหล็กแข็งเกิดจากสนามแม่เหล็ก ถาวรอันมีผลมาจากส่วนประกอบต่างๆ เช่น ลำโพง แม่เหล็ก ส่วนความบิดเบี้ยว ของเหล็กอ่อนเกิดจากวัสดุเฟอร์โรแมกเนติกเปลี่ยนรูปร่างและความแรงของสนาม แม่เหล็กในพื้นที่ 

การแก้ไขปัญหานี้ ระบบเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนได้รวมเอามาตร ความเร่งแบบสามแกน (triple-axis accelerometer)เข้าไว้ด้วยกัน จากนั้น แมกนีโตมิเตอร์จะคำนวณความเอียงของอุปกรณ์ (พิทช์และโรล) เทียบกับ แรงโน้มถ่วง ทำให้ระบบสามารถหมุนเวกเตอร์สนามแม่เหล็กที่วัดได้ ทางคณิตศาสตร์จากโครงสร้างของอุปกรณ์ไปยังระนาบแนวนอนของโลก เรียกกระบวนการนี้ว่า “การชดเชยความเอียง (tilt compensation)”

การ Calibration เพื่อเอาชนะสัญญาณรบกวนในสภาพแวดล้อมต่างๆ

การคำนวณทิศทางที่แม่นยำจะเป็นไปไม่ได้เลย หากปราศจากอัลกอริทึมที่ใช้ Calibration อย่างมีประสิทธิภาพ การ Calibration เกี่ยวข้องกับการกำหนดลักษณะ เฉพาะและการแก้ไขผลกระทบจากเหล็กแข็งและเหล็กอ่อน วิธีที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้ คือ การปฏิบัติตามข้อกำหนด โดยให้ผู้ใช้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ในรูปแบบเฉพาะต่างๆ (เช่น รูปเลขแปด) ในอากาศ เพื่อให้ระบบสามารถรวบรวมข้อมูลแม่เหล็กจากทุกทิศทุก ทางได้ จากนั้นอัลกอริทึมจะปรับรูปทรงวงรีให้เข้ากับข้อมูลนี้ในสภาพแวดล้อม ที่พอเหมาะและปราศจากการบิดเบือนสัญญาณ ข้อมูลจะก่อตัวเป็นทรงกลม ที่สมบูรณ์แบบ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุดกำเนิด ซึ่งพารามิเตอร์ Calibration จะเปลี่ยนรูปทรงรีที่บิดเบี้ยวกลับเป็นทรงกลม เพื่อแก้ไขการบิดเบือนของแม่เหล็ก ในพื้นที่ กระบวนการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการรักษาความแม่นยำของอุปกรณ์ เมื่อนำไปวางในสภาพแวดล้อมใหม่เช่น โทรศัพท์ในรถ โดรนบรรทุกที่มีน้ำหนัก เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นต้น

การผสานหลายเซ็นเซอร์รวมเข้ากับระบบนำทาง (Integration in Multi-Sensor Navigation Systems)

ระบบนำทางสมัยใหม่ไม่สามารถพึ่งพาเซ็นเซอร์เพียงตัวเดียวได้ ในระบบนำทางเฉื่อย (INS: Inertial Navigation System) ข้อมูลจากไจโรสโคป และเครื่องวัดความเร่งจะถูกรวมเข้ากับข้อมูลแมกนีโตมิเตอร์ โดยใช้อัลกอริทึม การรวมเซ็นเซอร์ โดยทั่วไปแล้วคือ ตัวกรอง คาลมาน (Kalman filter) โดย ไจโรสโคปให้ข้อมูลการหมุนระยะสั้นความถี่สูง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีการดริฟท์ เกิดขึ้น แมกนีโตมิเตอร์จะให้ข้อมูลอ้างอิงทิศทางที่แน่นอน และเสถียรภาพในการ แก้ไขการดริฟท์ของไจโรสโคปนี้ แต่อาจจะมีสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กด้วย ความถี่ต่ำ และสัญญาณรบกวนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตัวกรองคาลมานนี้จะผสมผสาน ข้อมูลเสริมต่างๆ เข้าด้วยกันให้เหมาะสมที่สุด ทำให้ได้ค่าประมาณทิศทางที่ เสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้น การผสมผสานรวมกันของเซ็นเซอร์หลากหลายชนิดนี้ จึงเป็นพื้นฐานสำคัญต่อประสิทธิภาพของหุ่นยนต์อัตโนมัติ (Autonomous Robots) แอปพลิเคชัน Augmented Reality และระบบคำนวณระยะทางในสมาร์ทโฟน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique. Duis cursus, mi quis viverra ornare, eros dolor interdum nulla, ut commodo diam libero vitae erat. Aenean faucibus nibh et justo cursus id rutrum lorem imperdiet. Nunc ut sem vitae risus tristique posuere.

บทความที่เกี่ยวข้อง

เซ็นเซอร์แม่เหล็กในระบบนำทางและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์

เซ็นเซอร์แม่เหล็กในระบบนำทางและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์

สำรวจว่าเซ็นเซอร์แม่เหล็กช่วยขับเคลื่อนการนำทางที่แม่นยำและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ในอุปกรณ์ของคุณ ได้อย่างไร

Lorem ipsum dolor amet consectetur adipiscing elit tortor massa arcu non.

เซ็นเซอร์แม่เหล็ก (Magnetic Sensors) คือตัวแปลงสัญญาณที่ตรวจจับ วัด และแปลงสนามแม่เหล็กเป็นสัญญาณไฟฟ้า ในระบบนำทาง หน้าที่หลักของ เซ็นเซอร์  คือ การตรวจจับสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งเป็นตัวอ้างอิงทิศทางที่สำคัญ แตกต่างจาก GPS ที่ให้ข้อมูลตำแหน่ง และมีความน่าเชื่อถือน้อย เมื่อใช้งาน ภายในอาคาร หุบเขาลึก หรือในเมือง อีกทั้งเซ็นเซอร์วัดแรงเฉื่อย (Inertial sensors) มักเกิดการดริฟต์ เมื่อเวลาผ่านไปเซ็นเซอร์แม่เหล็กจึงต้องส่ง สัญญาณบอกทิศทางที่เสถียรเทียบกับทิศเหนือแม่เหล็ก ความสามารถนี้จึงเป็น รากฐานสำคัญของเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ หรือ e-compass ซึ่งกลายเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ใช้งาน ระบบยานยนต์ อากาศยานไร้คนขับ (UAV) และการนำทางทางทะเล (Marine Navigation)

เทคโนโลยีหลัก: จาก AMR สู่ TMR

เทคโนโลยีอย่างแมกนีโตมิเตอร์แบบโซลิดสเตต (Solid-state magnetometer) ทำให้เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ (e-compass) สมัยใหม่เกิดขึ้น และเซ็นเซอร์แอนไอโซทรอปิกแมกนีโตรีซิสแทนซ์ (AMR: Anisotropic Magnetoresistance) ที่ใช้ฟิล์มเฟอร์โรแมกนีโตเรซิสแทนซ์ขนาดบาง (Ferromagnetic Films) ด้วยคุณสมบัติต้านทานทางไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตามมุมที่สัมพันธ์กับสนามแม่เหล็ก ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการรับรู้ไว (Sensitivity) การใช้พลังงาน (Power Consumption)  และต้นทุน เซ็นเซอร์เหล่านี้ถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในยานยนต์และสมาร์ทโฟน 

เซ็นเซอร์แบบเทอนอลแมกนีโตรีซิสแทนซ์ (Tunnel Magnetoresistance: TMR) มีการวิจัยพัฒนามากขึ้น ใช้โครงสร้าง magnetic tunnel เพื่อให้ไวและ มีอัตราส่วน signal-to-noise ratio ที่สูงขึ้น ลดขนาดให้เล็กลง เหมาะสำหรับ การใช้งานที่ต้องการความไวสูงเช่น การสำรวจทางธรณีวิทยาด้วยแมกนีโตมิเตอร์ อุปกรณ์เหล่านี้ใช้แกนแม่เหล็กที่ทนทานและขดลวดเหนี่ยวนำเพื่อวัดสนามแม่เหล็กค่าอ่อนด้วยความแม่นยำสูง แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วขนาดที่ใหญ่กว่าจะใช้พลังงาน มากกว่าแบบโซลิดสเตตก็ตาม

สถาปัตยกรรมของระบบเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ (The Architecture of an Electronic Compass System)

เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานได้จริงมีลักษณะการทำงานที่ซับซ้อนกว่าแมกนีโตมิเตอร์แบบแกนเดี่ยว ด้วยเวกเตอร์สนามแม่เหล็กของโลกเป็นสามมิติ กล่าวคือ แมกนีโตมิเตอร์แบบสามแกนจำเป็นต่อการบันทึกทิศทางทั้งหมดของสนามแม่เหล็กโดยไม่คำนึงถึงวิธีการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ ส่วนที่สำคัญคือ ข้อมูลดิบจาก แมกนีโตมิเตอร์มักถูกรบกวนด้วยความบิดเบือนของสัญญาณ (Distortion) จากทั้ง เหล็กแข็ง และ เหล็กอ่อน ความบิดเบี้ยวของเหล็กแข็งเกิดจากสนามแม่เหล็ก ถาวรอันมีผลมาจากส่วนประกอบต่างๆ เช่น ลำโพง แม่เหล็ก ส่วนความบิดเบี้ยว ของเหล็กอ่อนเกิดจากวัสดุเฟอร์โรแมกเนติกเปลี่ยนรูปร่างและความแรงของสนาม แม่เหล็กในพื้นที่ 

การแก้ไขปัญหานี้ ระบบเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนได้รวมเอามาตร ความเร่งแบบสามแกน (triple-axis accelerometer)เข้าไว้ด้วยกัน จากนั้น แมกนีโตมิเตอร์จะคำนวณความเอียงของอุปกรณ์ (พิทช์และโรล) เทียบกับ แรงโน้มถ่วง ทำให้ระบบสามารถหมุนเวกเตอร์สนามแม่เหล็กที่วัดได้ ทางคณิตศาสตร์จากโครงสร้างของอุปกรณ์ไปยังระนาบแนวนอนของโลก เรียกกระบวนการนี้ว่า “การชดเชยความเอียง (tilt compensation)”

การ Calibration เพื่อเอาชนะสัญญาณรบกวนในสภาพแวดล้อมต่างๆ

การคำนวณทิศทางที่แม่นยำจะเป็นไปไม่ได้เลย หากปราศจากอัลกอริทึมที่ใช้ Calibration อย่างมีประสิทธิภาพ การ Calibration เกี่ยวข้องกับการกำหนดลักษณะ เฉพาะและการแก้ไขผลกระทบจากเหล็กแข็งและเหล็กอ่อน วิธีที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้ คือ การปฏิบัติตามข้อกำหนด โดยให้ผู้ใช้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ในรูปแบบเฉพาะต่างๆ (เช่น รูปเลขแปด) ในอากาศ เพื่อให้ระบบสามารถรวบรวมข้อมูลแม่เหล็กจากทุกทิศทุก ทางได้ จากนั้นอัลกอริทึมจะปรับรูปทรงวงรีให้เข้ากับข้อมูลนี้ในสภาพแวดล้อม ที่พอเหมาะและปราศจากการบิดเบือนสัญญาณ ข้อมูลจะก่อตัวเป็นทรงกลม ที่สมบูรณ์แบบ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุดกำเนิด ซึ่งพารามิเตอร์ Calibration จะเปลี่ยนรูปทรงรีที่บิดเบี้ยวกลับเป็นทรงกลม เพื่อแก้ไขการบิดเบือนของแม่เหล็ก ในพื้นที่ กระบวนการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการรักษาความแม่นยำของอุปกรณ์ เมื่อนำไปวางในสภาพแวดล้อมใหม่เช่น โทรศัพท์ในรถ โดรนบรรทุกที่มีน้ำหนัก เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นต้น

การผสานหลายเซ็นเซอร์รวมเข้ากับระบบนำทาง (Integration in Multi-Sensor Navigation Systems)

ระบบนำทางสมัยใหม่ไม่สามารถพึ่งพาเซ็นเซอร์เพียงตัวเดียวได้ ในระบบนำทางเฉื่อย (INS: Inertial Navigation System) ข้อมูลจากไจโรสโคป และเครื่องวัดความเร่งจะถูกรวมเข้ากับข้อมูลแมกนีโตมิเตอร์ โดยใช้อัลกอริทึม การรวมเซ็นเซอร์ โดยทั่วไปแล้วคือ ตัวกรอง คาลมาน (Kalman filter) โดย ไจโรสโคปให้ข้อมูลการหมุนระยะสั้นความถี่สูง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีการดริฟท์ เกิดขึ้น แมกนีโตมิเตอร์จะให้ข้อมูลอ้างอิงทิศทางที่แน่นอน และเสถียรภาพในการ แก้ไขการดริฟท์ของไจโรสโคปนี้ แต่อาจจะมีสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กด้วย ความถี่ต่ำ และสัญญาณรบกวนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตัวกรองคาลมานนี้จะผสมผสาน ข้อมูลเสริมต่างๆ เข้าด้วยกันให้เหมาะสมที่สุด ทำให้ได้ค่าประมาณทิศทางที่ เสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้น การผสมผสานรวมกันของเซ็นเซอร์หลากหลายชนิดนี้ จึงเป็นพื้นฐานสำคัญต่อประสิทธิภาพของหุ่นยนต์อัตโนมัติ (Autonomous Robots) แอปพลิเคชัน Augmented Reality และระบบคำนวณระยะทางในสมาร์ทโฟน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Related articles