เส้นทางข้างหน้า: แก้ปัญหาการขาดแคลนชิปและเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์

บทความนี้กล่าวถึงกลยุทธ์ในอนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกและเพิ่มความเข้มแข็งด้านความมั่นคงทางไซเบอร์

เส้นทางข้างหน้า: แก้ปัญหาการขาดแคลนชิปและเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์

เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นจุดเปราะบางสำคัญ เช่น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานซึ่งนำไปสู่ภาวะขาดแคลนชิปอย่างรุนแรง และภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น จนบั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัลทั่วโลก

การรับมือกับปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในหลายภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล ไปจนถึงการนำนวัตกรรมมาใช้ บทความนี้จะสำรวจสาเหตุและผลกระทบของวิกฤตชิป พร้อมเสนอแนวทางสร้างเสถียรภาพในระยะยาว รวมถึงการเสริมความยืดหยุ่นทางไซเบอร์เพื่อความมั่นคงยั่งยืนของระบบดิจิทัลในอนาคต

ทำความเข้าใจปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก

ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2020 เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • การหยุดชะงักอันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ การล็อกดาวน์จากโควิด-19 ทำให้การผลิตในศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญอย่างไต้หวัน เกาหลีใต้ และจีนต้องหยุดชะงัก
  • ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น การทำงานแบบ Remote การขยายเครือข่าย 5G และการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ทำให้ความต้องการชิปเพิ่มขึ้นเกินกว่ากำลังการผลิต
  • ปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน รูปแบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี (Just-in-time) ทำให้มีสต็อกสินค้าคงเหลือน้อย ส่งผลให้การขาดแคลนสินค้ารุนแรงขึ้น
  • ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ข้อจำกัดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม

ปัญหาการขาดแคลนส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน อาทิ 

  • ยานยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ต้องเผชิญกับความล่าช้าในการผลิต ส่งผลให้สูญเสียรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ 
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปประสบปัญหาความล่าช้าในการจัดส่ง
  • การใช้งานในภาคอุตสาหกรรม โรงงานที่พึ่งพาระบบอัตโนมัติประสบปัญหาการขาดแคลน

กลยุทธ์ในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนชิป

การส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

การขยายโรงงานผลิตเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พระราชบัญญัติ CHIPS ของสหรัฐอเมริกา (U.S. CHIPS Act ) จัดสรรงบประมาณกว่า 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ ในทำนองเดียวกัน พระราชบัญญัติ Chips ของสหภาพยุโรป (EU Chips Act) มีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกของยุโรปเป็นสองเท่าภายในปี 2030

การกระจายห่วงโซ่อุปทาน

การพึ่งพาโรงงานผลิตหลักในไต้หวัน (TSMC) และเกาหลีใต้ (Samsung) ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงเมื่อเกิดการหยุดชะงัก โดยบริษัทต่างๆ กำลังเร่งกระจายฐานการผลิตไปยังอินเดีย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา เพื่อลดการกระจุกตัวของความเสี่ยงในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง

นโยบายและแรงจูงใจของรัฐบาล

การสนับสนุนจากภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น แรงจูงใจทางภาษี,เงินทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (R&D), ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของความยืดหยุ่นทางไซเบอร์

ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ 

ความยืดหยุ่นหรือปรับตัวทางไซเบอร์ หมายถึง ความสามารถขององค์กรในการคาดการณ์ ต้านทาน และฟื้นตัวจากการโจมตีทางไซเบอร์ ในขณะที่ยังคงดำเนินงานต่อไป

ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น

  • การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ เพิ่มขึ้น 150% ในปี 2565 (จาก CyberSecurity Ventures)
  • การโจมตีซัพพลายเชน การละเมิดระบบ SolarWinds และ Kaseya ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงจากบุคคลที่สาม
  • ภัยคุกคามโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โครงข่ายพลังงานและระบบสาธารณสุขเป็นเป้าหมายหลัก

การเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางไซเบอร์

การนำกรอบการทำงานด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งมาใช้

  • สถาปัตยกรรม Zero Trust  รับรองการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด
  • การตรวจจับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบแบบเรียลไทม์

เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

การแบ่งปันข้อมูลระหว่างรัฐบาลและองค์กรธุรกิจสามารถปรับปรุงข้อมูลข่าวกรองด้านภัยคุกคามได้

การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

ช่องว่างบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลกมีมากกว่า 3.4 ล้านคน หรือโปรแกรมการฝึกอบรมและการรับรองคุณภาพสามารถช่วยลดช่องว่างนี้ได้

จุดตัดระหว่างการขาดแคลนชิปและความปลอดภัยทางไซเบอร์

ช่องโหว่ของห่วงโซ่อุปทาน

ชิปปลอมและฮาร์ดแวร์ที่ถูกบุกรุกโจมตีก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

การรักษาความปลอดภัยการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

  • ความปลอดภัยบนฮาร์ดแวร์ การผสานรวมความปลอดภัยในระดับซิลิกอน เช่น Intel SGX เป็นต้น
  • บล็อกเชนเพื่อความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทาน รับรองความถูกต้องของส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ

แนวโน้มและข้อเสนอแนะในอนาคต

  • เพิ่มการลงทุนในการผลิตชิปภายในประเทศ
  • นำกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดขึ้นมาใช้กับอุตสาหกรรมสำคัญ
  • ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความมั่นคงปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทาน

สรุป

ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นความท้าทายที่เชื่อมโยงกันและต้องการแนวทางแก้ไขที่ประสานกัน การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน การลงทุนในความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถสร้างอนาคตทางดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้มากยิ่งขึ้นได้

เส้นทางข้างหน้า: แก้ปัญหาการขาดแคลนชิปและเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์

บทความนี้กล่าวถึงกลยุทธ์ในอนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกและเพิ่มความเข้มแข็งด้านความมั่นคงทางไซเบอร์

นักเขียนบทความ
by 
นักเขียนบทความ
เส้นทางข้างหน้า: แก้ปัญหาการขาดแคลนชิปและเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์

เส้นทางข้างหน้า: แก้ปัญหาการขาดแคลนชิปและเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์

บทความนี้กล่าวถึงกลยุทธ์ในอนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกและเพิ่มความเข้มแข็งด้านความมั่นคงทางไซเบอร์

เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นจุดเปราะบางสำคัญ เช่น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานซึ่งนำไปสู่ภาวะขาดแคลนชิปอย่างรุนแรง และภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น จนบั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัลทั่วโลก

การรับมือกับปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในหลายภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล ไปจนถึงการนำนวัตกรรมมาใช้ บทความนี้จะสำรวจสาเหตุและผลกระทบของวิกฤตชิป พร้อมเสนอแนวทางสร้างเสถียรภาพในระยะยาว รวมถึงการเสริมความยืดหยุ่นทางไซเบอร์เพื่อความมั่นคงยั่งยืนของระบบดิจิทัลในอนาคต

ทำความเข้าใจปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก

ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2020 เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • การหยุดชะงักอันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ การล็อกดาวน์จากโควิด-19 ทำให้การผลิตในศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญอย่างไต้หวัน เกาหลีใต้ และจีนต้องหยุดชะงัก
  • ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น การทำงานแบบ Remote การขยายเครือข่าย 5G และการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ทำให้ความต้องการชิปเพิ่มขึ้นเกินกว่ากำลังการผลิต
  • ปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน รูปแบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี (Just-in-time) ทำให้มีสต็อกสินค้าคงเหลือน้อย ส่งผลให้การขาดแคลนสินค้ารุนแรงขึ้น
  • ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ข้อจำกัดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม

ปัญหาการขาดแคลนส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน อาทิ 

  • ยานยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ต้องเผชิญกับความล่าช้าในการผลิต ส่งผลให้สูญเสียรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ 
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปประสบปัญหาความล่าช้าในการจัดส่ง
  • การใช้งานในภาคอุตสาหกรรม โรงงานที่พึ่งพาระบบอัตโนมัติประสบปัญหาการขาดแคลน

กลยุทธ์ในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนชิป

การส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

การขยายโรงงานผลิตเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พระราชบัญญัติ CHIPS ของสหรัฐอเมริกา (U.S. CHIPS Act ) จัดสรรงบประมาณกว่า 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ ในทำนองเดียวกัน พระราชบัญญัติ Chips ของสหภาพยุโรป (EU Chips Act) มีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกของยุโรปเป็นสองเท่าภายในปี 2030

การกระจายห่วงโซ่อุปทาน

การพึ่งพาโรงงานผลิตหลักในไต้หวัน (TSMC) และเกาหลีใต้ (Samsung) ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงเมื่อเกิดการหยุดชะงัก โดยบริษัทต่างๆ กำลังเร่งกระจายฐานการผลิตไปยังอินเดีย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา เพื่อลดการกระจุกตัวของความเสี่ยงในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง

นโยบายและแรงจูงใจของรัฐบาล

การสนับสนุนจากภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น แรงจูงใจทางภาษี,เงินทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (R&D), ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของความยืดหยุ่นทางไซเบอร์

ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ 

ความยืดหยุ่นหรือปรับตัวทางไซเบอร์ หมายถึง ความสามารถขององค์กรในการคาดการณ์ ต้านทาน และฟื้นตัวจากการโจมตีทางไซเบอร์ ในขณะที่ยังคงดำเนินงานต่อไป

ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น

  • การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ เพิ่มขึ้น 150% ในปี 2565 (จาก CyberSecurity Ventures)
  • การโจมตีซัพพลายเชน การละเมิดระบบ SolarWinds และ Kaseya ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงจากบุคคลที่สาม
  • ภัยคุกคามโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โครงข่ายพลังงานและระบบสาธารณสุขเป็นเป้าหมายหลัก

การเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางไซเบอร์

การนำกรอบการทำงานด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งมาใช้

  • สถาปัตยกรรม Zero Trust  รับรองการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด
  • การตรวจจับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบแบบเรียลไทม์

เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

การแบ่งปันข้อมูลระหว่างรัฐบาลและองค์กรธุรกิจสามารถปรับปรุงข้อมูลข่าวกรองด้านภัยคุกคามได้

การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

ช่องว่างบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลกมีมากกว่า 3.4 ล้านคน หรือโปรแกรมการฝึกอบรมและการรับรองคุณภาพสามารถช่วยลดช่องว่างนี้ได้

จุดตัดระหว่างการขาดแคลนชิปและความปลอดภัยทางไซเบอร์

ช่องโหว่ของห่วงโซ่อุปทาน

ชิปปลอมและฮาร์ดแวร์ที่ถูกบุกรุกโจมตีก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

การรักษาความปลอดภัยการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

  • ความปลอดภัยบนฮาร์ดแวร์ การผสานรวมความปลอดภัยในระดับซิลิกอน เช่น Intel SGX เป็นต้น
  • บล็อกเชนเพื่อความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทาน รับรองความถูกต้องของส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ

แนวโน้มและข้อเสนอแนะในอนาคต

  • เพิ่มการลงทุนในการผลิตชิปภายในประเทศ
  • นำกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดขึ้นมาใช้กับอุตสาหกรรมสำคัญ
  • ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความมั่นคงปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทาน

สรุป

ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นความท้าทายที่เชื่อมโยงกันและต้องการแนวทางแก้ไขที่ประสานกัน การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน การลงทุนในความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถสร้างอนาคตทางดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้มากยิ่งขึ้นได้

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique. Duis cursus, mi quis viverra ornare, eros dolor interdum nulla, ut commodo diam libero vitae erat. Aenean faucibus nibh et justo cursus id rutrum lorem imperdiet. Nunc ut sem vitae risus tristique posuere.

เส้นทางข้างหน้า: แก้ปัญหาการขาดแคลนชิปและเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์

เส้นทางข้างหน้า: แก้ปัญหาการขาดแคลนชิปและเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์

บทความนี้กล่าวถึงกลยุทธ์ในอนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกและเพิ่มความเข้มแข็งด้านความมั่นคงทางไซเบอร์

Lorem ipsum dolor amet consectetur adipiscing elit tortor massa arcu non.

เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นจุดเปราะบางสำคัญ เช่น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานซึ่งนำไปสู่ภาวะขาดแคลนชิปอย่างรุนแรง และภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น จนบั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัลทั่วโลก

การรับมือกับปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในหลายภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล ไปจนถึงการนำนวัตกรรมมาใช้ บทความนี้จะสำรวจสาเหตุและผลกระทบของวิกฤตชิป พร้อมเสนอแนวทางสร้างเสถียรภาพในระยะยาว รวมถึงการเสริมความยืดหยุ่นทางไซเบอร์เพื่อความมั่นคงยั่งยืนของระบบดิจิทัลในอนาคต

ทำความเข้าใจปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก

ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2020 เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • การหยุดชะงักอันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ การล็อกดาวน์จากโควิด-19 ทำให้การผลิตในศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญอย่างไต้หวัน เกาหลีใต้ และจีนต้องหยุดชะงัก
  • ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น การทำงานแบบ Remote การขยายเครือข่าย 5G และการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ทำให้ความต้องการชิปเพิ่มขึ้นเกินกว่ากำลังการผลิต
  • ปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน รูปแบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี (Just-in-time) ทำให้มีสต็อกสินค้าคงเหลือน้อย ส่งผลให้การขาดแคลนสินค้ารุนแรงขึ้น
  • ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ข้อจำกัดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม

ปัญหาการขาดแคลนส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน อาทิ 

  • ยานยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ต้องเผชิญกับความล่าช้าในการผลิต ส่งผลให้สูญเสียรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ 
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปประสบปัญหาความล่าช้าในการจัดส่ง
  • การใช้งานในภาคอุตสาหกรรม โรงงานที่พึ่งพาระบบอัตโนมัติประสบปัญหาการขาดแคลน

กลยุทธ์ในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนชิป

การส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

การขยายโรงงานผลิตเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พระราชบัญญัติ CHIPS ของสหรัฐอเมริกา (U.S. CHIPS Act ) จัดสรรงบประมาณกว่า 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ ในทำนองเดียวกัน พระราชบัญญัติ Chips ของสหภาพยุโรป (EU Chips Act) มีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกของยุโรปเป็นสองเท่าภายในปี 2030

การกระจายห่วงโซ่อุปทาน

การพึ่งพาโรงงานผลิตหลักในไต้หวัน (TSMC) และเกาหลีใต้ (Samsung) ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงเมื่อเกิดการหยุดชะงัก โดยบริษัทต่างๆ กำลังเร่งกระจายฐานการผลิตไปยังอินเดีย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา เพื่อลดการกระจุกตัวของความเสี่ยงในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง

นโยบายและแรงจูงใจของรัฐบาล

การสนับสนุนจากภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น แรงจูงใจทางภาษี,เงินทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (R&D), ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของความยืดหยุ่นทางไซเบอร์

ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ 

ความยืดหยุ่นหรือปรับตัวทางไซเบอร์ หมายถึง ความสามารถขององค์กรในการคาดการณ์ ต้านทาน และฟื้นตัวจากการโจมตีทางไซเบอร์ ในขณะที่ยังคงดำเนินงานต่อไป

ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น

  • การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ เพิ่มขึ้น 150% ในปี 2565 (จาก CyberSecurity Ventures)
  • การโจมตีซัพพลายเชน การละเมิดระบบ SolarWinds และ Kaseya ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงจากบุคคลที่สาม
  • ภัยคุกคามโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โครงข่ายพลังงานและระบบสาธารณสุขเป็นเป้าหมายหลัก

การเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางไซเบอร์

การนำกรอบการทำงานด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งมาใช้

  • สถาปัตยกรรม Zero Trust  รับรองการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด
  • การตรวจจับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบแบบเรียลไทม์

เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

การแบ่งปันข้อมูลระหว่างรัฐบาลและองค์กรธุรกิจสามารถปรับปรุงข้อมูลข่าวกรองด้านภัยคุกคามได้

การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

ช่องว่างบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลกมีมากกว่า 3.4 ล้านคน หรือโปรแกรมการฝึกอบรมและการรับรองคุณภาพสามารถช่วยลดช่องว่างนี้ได้

จุดตัดระหว่างการขาดแคลนชิปและความปลอดภัยทางไซเบอร์

ช่องโหว่ของห่วงโซ่อุปทาน

ชิปปลอมและฮาร์ดแวร์ที่ถูกบุกรุกโจมตีก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

การรักษาความปลอดภัยการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

  • ความปลอดภัยบนฮาร์ดแวร์ การผสานรวมความปลอดภัยในระดับซิลิกอน เช่น Intel SGX เป็นต้น
  • บล็อกเชนเพื่อความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทาน รับรองความถูกต้องของส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ

แนวโน้มและข้อเสนอแนะในอนาคต

  • เพิ่มการลงทุนในการผลิตชิปภายในประเทศ
  • นำกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดขึ้นมาใช้กับอุตสาหกรรมสำคัญ
  • ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความมั่นคงปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทาน

สรุป

ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นความท้าทายที่เชื่อมโยงกันและต้องการแนวทางแก้ไขที่ประสานกัน การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน การลงทุนในความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถสร้างอนาคตทางดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้มากยิ่งขึ้นได้