บทความนี้กล่าวถึงกลยุทธ์ในอนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกและเพิ่มความเข้มแข็งด้านความมั่นคงทางไซเบอร์
เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นจุดเปราะบางสำคัญ เช่น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานซึ่งนำไปสู่ภาวะขาดแคลนชิปอย่างรุนแรง และภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น จนบั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัลทั่วโลก
การรับมือกับปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในหลายภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล ไปจนถึงการนำนวัตกรรมมาใช้ บทความนี้จะสำรวจสาเหตุและผลกระทบของวิกฤตชิป พร้อมเสนอแนวทางสร้างเสถียรภาพในระยะยาว รวมถึงการเสริมความยืดหยุ่นทางไซเบอร์เพื่อความมั่นคงยั่งยืนของระบบดิจิทัลในอนาคต
ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2020 เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่
ปัญหาการขาดแคลนส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน อาทิ
การส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
การขยายโรงงานผลิตเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พระราชบัญญัติ CHIPS ของสหรัฐอเมริกา (U.S. CHIPS Act ) จัดสรรงบประมาณกว่า 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ ในทำนองเดียวกัน พระราชบัญญัติ Chips ของสหภาพยุโรป (EU Chips Act) มีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกของยุโรปเป็นสองเท่าภายในปี 2030
การกระจายห่วงโซ่อุปทาน
การพึ่งพาโรงงานผลิตหลักในไต้หวัน (TSMC) และเกาหลีใต้ (Samsung) ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงเมื่อเกิดการหยุดชะงัก โดยบริษัทต่างๆ กำลังเร่งกระจายฐานการผลิตไปยังอินเดีย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา เพื่อลดการกระจุกตัวของความเสี่ยงในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง
นโยบายและแรงจูงใจของรัฐบาล
การสนับสนุนจากภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น แรงจูงใจทางภาษี,เงินทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (R&D), ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์
ความยืดหยุ่นหรือปรับตัวทางไซเบอร์ หมายถึง ความสามารถขององค์กรในการคาดการณ์ ต้านทาน และฟื้นตัวจากการโจมตีทางไซเบอร์ ในขณะที่ยังคงดำเนินงานต่อไป
ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น
การนำกรอบการทำงานด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งมาใช้
เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
การแบ่งปันข้อมูลระหว่างรัฐบาลและองค์กรธุรกิจสามารถปรับปรุงข้อมูลข่าวกรองด้านภัยคุกคามได้
การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
ช่องว่างบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลกมีมากกว่า 3.4 ล้านคน หรือโปรแกรมการฝึกอบรมและการรับรองคุณภาพสามารถช่วยลดช่องว่างนี้ได้
ช่องโหว่ของห่วงโซ่อุปทาน
ชิปปลอมและฮาร์ดแวร์ที่ถูกบุกรุกโจมตีก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นความท้าทายที่เชื่อมโยงกันและต้องการแนวทางแก้ไขที่ประสานกัน การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน การลงทุนในความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถสร้างอนาคตทางดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้มากยิ่งขึ้นได้