วิธีการเลือกขนาดแผงโซลาร์เซลล์ให้เหมาะกับบ้านของคุณ: คู่มือฉบับสมบูรณ์

คู่มือนี้จะแสดงวิธีการคำนวณขนาดแผงโซลาร์เซลล์ที่เหมาะสมสำหรับบ้านของคุณแบบง่ายๆ และมีประสิทธิภาพ

วิธีการเลือกขนาดแผงโซลาร์เซลล์ให้เหมาะกับบ้านของคุณ: คู่มือฉบับสมบูรณ์

บทนำ

ช่วงนี้หลายคนเริ่มหันมาติดแผงโซลาร์เซลล์กันมากขึ้น เพราะช่วยลดค่าไฟได้จริง อีกทั้งเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ทำร้ายโลกอีกด้วย แต่พอเริ่มคิดจะติดตั้ง คำถามที่มักโผล่มาทุกครั้งก็คือ ต้องใช้แผงขนาดเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะกับบ้านเรา? หากติดน้อยไป ไฟก็อาจไม่พอใช้ ต้องเสียค่าไฟเพิ่ม แต่หากติดมากเกินไปก็เสียเงินเกินความจำเป็น ดังนั้นการเลือกขนาดแผง ให้เหมาะกับการใช้งานจริงในแต่ละบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรคิดถึง และไม่ใช่แค่ดูว่าเรามีเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกี่ชิ้นเท่านั้น แต่ยังต้องดูด้วยว่า เราใช้ไฟช่วงเวลาไหนบ้าง บ้านเรารับแดดดีแค่ไหน พื้นที่ที่ติดตั้งแผงมีร่มเงาบังไหม 

บทความนี้จะช่วยสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน ทำแบบไหนจึงจะคุ้มค่า พร้อมบอกเคล็ดลับเล็กน้อยสำหรับคนที่กำลังวางแผน จะติดโซลาร์เซลล์ให้ใช้สามารถใช้งานได้จริงและคุ้มค่าในระยะยาว

เข้าใจการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้าน

ก่อนคำนวณว่า ควรติดแผงโซลาร์เซลล์ขนาดไหน สิ่งแรกที่ต้องรู้ คือ บ้านของเราใช้ไฟในแต่ละเดือนเท่าไหร่ เพราะหากติดน้อยเกิน ไฟอาจไม่พอใช้ หากติดมากเกินก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ วิธีง่ายๆ ที่หลายคนมักใช้กันคือ หยิบบิลค่า ไฟมาดูย้อนหลัง โดยสังเกตตรงที่เขียนว่าใช้ไปกี่หน่วยต่อเดือน (หน่วยตรงนี้หมายถึงกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือ kWh) บ้านทั่วไปมักใช้ราวๆ 200–500 หน่วย ขึ้นอยู่กับว่ามีคนอยู่กี่คน ใช้แอร์บ่อยไหม เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นหรือเปล่า ฯลฯ

เช่น ถ้าบ้านคุณใช้ไฟเฉลี่ยเดือนละ 400 หน่วย ก็แปลว่าทั้งวันใช้ไฟราว ๆ 13.3 หน่วย หรือ 13.3 kWh สิ่งนี้แหละคือ ข้อมูลตั้งต้นที่ใช้วางแผนระบบโซลาร์เซลล์ ให้เหมาะกับบ้านเรา นอกจากดูจากบิลแล้ว ลองสังเกตพฤติกรรมในบ้านประกอบด้วย เช่น เปิดแอร์ตลอดทั้งวัน หรือ เปิดเฉพาะตอนกลางคืน เปิดทีวีทั้งวันไหม มีใครชาร์จรถไฟฟ้าหรือเปล่า เพราะ พฤติกรรมการใช้ไฟพวกนี้มีผลกับปริมาณไฟที่ ควรผลิตจากแผงโซลาร์เซลล์ กล่าวคือ ยิ่งเรารู้พฤติกรรมการใช้ไฟของบ้านตัวเอง มากเท่าไหร่ การวางแผนระบบก็จะยิ่งแม่นและคุ้มมากขึ้นเท่านั้น

หลักการเบื้องต้นของแผงโซลาร์เซลล์

แผงโซลาร์เซลล์ หรือที่เรียกกันว่า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนแสงแดดให้กลายเป็นไฟฟ้าไว้ใช้งานได้ทันที หรือ เก็บใส่แบตเตอรี่ไว้ใช้ตอนที่ต้องการ เบื้องหลังการทำงานของมัน คือเทคโนโลยีชื่อว่า Photovoltaic หรือ PV ที่เมื่อแสงแดดมากระทบเซลล์ในแผง อิเล็กตรอนจะเคลื่อนตัวแล้วเกิดเป็นกระแสไฟฟ้าแบบตรง (DC)  โดยตัวเซลล์ ในแผงโซลาร์เซลล์ทำจากวัสดุกึ่งตัวนำอย่างซิลิคอน ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ ที่ตอบสนองต่อแสงได้ดี พอเอาเซลล์หลายอันมาต่อรวมกันก็จะกลายเป็น แผงหรือโมดูลที่ผลิตไฟฟ้าได้มากพอสำหรับใช้งานในบ้านได้จริง

แผงโซลาร์เซลล์ที่นิยมกันตอนนี้มี 3 แบบคือ

  1. Monocrystalline – ทำจากผลึกซิลิคอนแบบแท่งเดียว ประสิทธิภาพดีเยี่ยม ประหยัดพื้นที่ ใช้งานได้นาน แต่มีราคาสูง
  2. Polycrystalline – ทำจากเศษผลึกซิลิคอนหลายก้อนหลอมรวมกัน ราคาย่อมเยากว่าแบบแรก และประสิทธิภาพด้อยกว่า
  3. Thin-Film – บาง เบา ยืดหยุ่นดี ติดตั้งง่าย เหมาะกับพื้นที่กว้าง แต่ประสิทธิภาพจะต่ำกว่าแบบอื่น และต้องใช้พื้นที่มากกว่า

เวลาเลือกแผง นอกจากดูชนิดแล้ว ต้องดูกำลังไฟฟ้าสูงสุด (Watt Peak หรือ Wp) ว่าแผงผลิตไฟได้เท่าไหร่ภายใต้แสงที่เหมาะสม กับอีกตัวคือ ประสิทธิภาพ (%) ที่บอกว่าแผงแปลงแสงมาเป็นไฟฟ้าได้ดีแค่ไหน เมื่อเข้าใจภาพรวมแล้ว เวลาเลือกแผงติดบ้านก็จะง่ายขึ้น ไม่ต้องง้อคำแนะนำจากช่างอย่างเดียว เพราะเราก็มีพื้นฐานพอจะตัดสินใจเองได้ว่าอะไรเหมาะกับบ้านเราที่สุด

วิธีคำนวณขนาดแผงโซลาร์เซลล์แบบง่าย ๆ

อยากรู้ว่าบ้านเราควรติดแผงโซลาร์กี่แผง ไม่ต้องเป็นวิศวกรก็สามารถ คิดคำนวนคร่าวๆ ได้เอง เพียงมีข้อมูลพื้นฐานก็ช่วยให้วางแผนการซื้อได้แบบคุ้มค่า ไม่เสียเงินเกินความจำเป็น

  1. รู้ก่อนว่าบ้านใช้ไฟเท่าไหร่
    เริ่มจากดูบิลค่าไฟย้อนหลัง แล้วหารเฉลี่ยต่อวัน สมมติว่าเดือนนึงใช้ไฟ 390 หน่วย (หรือ 390 kWh) เอา 390 ÷ 30 วัน = ใช้ประมาณ 13 kWh ต่อวัน
  2. รู้ว่าแดดบ้านคุณแรงแค่ไหน
    เมืองไทยแดดดีแทบทั้งปี โดยเฉลี่ยแผงโซลาร์จะรับแสงแดดเต็มๆ ประมาณ 4.5 – 5.5 ชั่วโมงต่อวัน (Peak Sun Hours) ถ้าอยู่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือในเมืองใหญ่ให้คิดเหมาแบบกลางๆ ไปเลย 5 ชั่วโมง
  3. คำนวณว่าแผงต้องผลิตไฟได้เท่าไหร่ต่อวัน
    ใช้สูตรง่ายๆ คือ ไฟที่ใช้ต่อวัน ÷ ชั่วโมงแดดเฉลี่ย
    เช่น 13 ÷ 5 = 2.6 kW หรือ 2600 Wp
  4. เผื่อไฟหายระหว่างทางด้วย (การสูญเสียพลังงาน)
    ไฟที่ผลิตได้จากแผงไม่ได้ถึงบ้าน 100% เพราะจะมีการสูญเสีย จากอินเวอร์เตอร์ สายไฟ ความร้อน และอุปกรณ์ต่าง ๆ แนะนำ ให้บวกเพิ่มไปอีก 15%
    2600 + 15% ≈ 2990 Wp หรือกลม ๆ ไปเลย 3000 Wp (3 kWp)
  5. คิดจำนวนแผงที่ต้องใช้
    ถ้าเลือกแผงขนาด 450 Wp เอา 3000 ÷ 450 = ประมาณ 6.6 แผง
    หมายความว่าควรติดตั้งสัก 7 แผงเพื่อให้ได้ไฟกำลังใกล้เคียง 3 kWp

ปัจจัยเสริมที่ต้องคิดก่อนติดโซลาร์เซลล์

การคำนวณขนาดแผงจากการใช้ไฟฟ้าและจำนวนชั่วโมงที่แดดตกถึงเป็น พื้นฐานที่ดี แต่ถ้าอยากให้ระบบโซลาร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและ คุ้มค่าในระยะยาวมีอีกหลายเรื่องที่ควรคำนึงถึงเช่น

  1. ขนาดของพื้นที่ติดตั้ง
    แผงโซลาร์เซลล์แผงนึงใช้พื้นที่ประมาณ 1.8 ตารางเมตร ถ้าต้องการติด 7 แผงก็ต้องมีพื้นที่ประมาณ 12–14 ตารางเมตร ที่สำคัญคือ พื้นที่นั้น ควรโดนแดดเต็มๆ ทั้งวัน ไม่มีเงาต้นไม้หรืออาคารมาบังไม่งั้นประสิทธิภาพ จะลดลงทันที
  2. มุมและทิศทางของแผงสำคัญมาก
    แผงควรหันไปทางทิศใต้ (สำหรับเมืองไทย) และเอียงประมาณ 10–15 องศา หรือปรับตามตำแหน่งของจังหวัด ถ้าหันผิดทิศหรือวางราบเกินไป แผงจะรับแดดได้น้อยลง ผลิตไฟได้น้อยกว่าที่ควรได้
  3. งบประมาณในกระเป๋า
    ระบบใหญ่ขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น แต่ราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย
    1. ถ้าใช้ไฟน้อย ระบบเล็กๆ (1–2 kWp) ก็พอ
    2. ถ้าอยากคืนทุนเร็ว หรือใช้ไฟเยอะ ก็ต้องไปที่ระบบกลาง–ใหญ่ (3–5 kWp) แนะนำให้ตั้งงบไว้ก่อนจะได้เลือกได้ตรงกับความต้องการและกำลังจ่าย
  4. คำนึงเรื่องการติดแบตเตอรี่
    ถ้าอยากใช้ไฟตอนกลางคืน หรือมีไฟสำรองเวลาไฟดับ แบตเตอรี่คือ ทางเลือกที่ดี แต่ค่าใช้จ่ายจะแพงขึ้นพอสมควร ต้องดูแลและเปลี่ยน เมื่อแบตเสื่อม ถ้าเน้นใช้ตอนกลางวันอย่างเดียวก็ไม่จำเป็นต้องติด แบตเตอรี่ก็ได้
  5. คัดเลือกระบบ
    1. On-Grid: ต่อกับไฟฟ้า ใช้งานง่าย ราคาย่อมเยา ไม่ต้องมีแบต
    2. Off-Grid: ไม่ใช้ไฟฟ้า เหมาะกับบ้านในพื้นที่ห่างไกล แต่ราคาสูง
    3. Hybrid: ผสมทั้งสามแบบ ยืดหยุ่นดี แต่ระบบจะซับซ้อน และราคาสูง

การจะเลือกระบบแบบไหนต้องดูจากการใช้งานจริงของบ้านเราว่า อยากประหยัดแค่ไหน ใช้ไฟช่วงเวลาใด หรืออยากมีไฟสำรองด้วยไหม

สรุป

การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไม่ได้มีแค่เรื่องการเลือกอุปกรณ์ที่ดีเท่านั้น การคำนวณขนาดระบบให้เหมาะสมก็เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน เพราะระบบที่เหมาะกับการใช้ไฟจริงจะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้สูงในระยะยาว และคุ้มค่ากับเงินลงทุนมากที่สุด เราควรเริ่มจากการทำความเข้าใจ พฤติกรรมการใช้ไฟของบ้าน วิเคราะห์พื้นที่และสภาพแวดล้อมสำหรับติดตั้ง ก่อนนำข้อมูลทั้งหมดมาคำนวณหาขนาดแผงที่เหมาะสม พร้อมเผื่อค่าความ สูญเสียที่เกิดขึ้นในระบบ ที่สำคัญอย่าลืมพิจารณาปัจจัยเสริมเช่น ทิศทางแดด พื้นที่ติดตั้ง งบประมาณ รวมถึงประเภทระบบที่ใช้งานด้วย  สุดท้ายนี้ หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน ลองใช้เครื่องมือคำนวณออนไลน์ หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมก็ได้ เพราะการวางแผนที่รอบคอบตั้งแต่ต้น จะช่วยให้คุณได้ระบบโซลาร์ที่ทั้งประหยัดไฟ ใช้งานได้จริง และคุ้มค่าที่สุด สำหรับบ้านของคุณ

วิธีการเลือกขนาดแผงโซลาร์เซลล์ให้เหมาะกับบ้านของคุณ: คู่มือฉบับสมบูรณ์

คู่มือนี้จะแสดงวิธีการคำนวณขนาดแผงโซลาร์เซลล์ที่เหมาะสมสำหรับบ้านของคุณแบบง่ายๆ และมีประสิทธิภาพ

นักเขียนบทความ
by 
นักเขียนบทความ
วิธีการเลือกขนาดแผงโซลาร์เซลล์ให้เหมาะกับบ้านของคุณ: คู่มือฉบับสมบูรณ์

วิธีการเลือกขนาดแผงโซลาร์เซลล์ให้เหมาะกับบ้านของคุณ: คู่มือฉบับสมบูรณ์

คู่มือนี้จะแสดงวิธีการคำนวณขนาดแผงโซลาร์เซลล์ที่เหมาะสมสำหรับบ้านของคุณแบบง่ายๆ และมีประสิทธิภาพ

บทนำ

ช่วงนี้หลายคนเริ่มหันมาติดแผงโซลาร์เซลล์กันมากขึ้น เพราะช่วยลดค่าไฟได้จริง อีกทั้งเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ทำร้ายโลกอีกด้วย แต่พอเริ่มคิดจะติดตั้ง คำถามที่มักโผล่มาทุกครั้งก็คือ ต้องใช้แผงขนาดเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะกับบ้านเรา? หากติดน้อยไป ไฟก็อาจไม่พอใช้ ต้องเสียค่าไฟเพิ่ม แต่หากติดมากเกินไปก็เสียเงินเกินความจำเป็น ดังนั้นการเลือกขนาดแผง ให้เหมาะกับการใช้งานจริงในแต่ละบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรคิดถึง และไม่ใช่แค่ดูว่าเรามีเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกี่ชิ้นเท่านั้น แต่ยังต้องดูด้วยว่า เราใช้ไฟช่วงเวลาไหนบ้าง บ้านเรารับแดดดีแค่ไหน พื้นที่ที่ติดตั้งแผงมีร่มเงาบังไหม 

บทความนี้จะช่วยสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน ทำแบบไหนจึงจะคุ้มค่า พร้อมบอกเคล็ดลับเล็กน้อยสำหรับคนที่กำลังวางแผน จะติดโซลาร์เซลล์ให้ใช้สามารถใช้งานได้จริงและคุ้มค่าในระยะยาว

เข้าใจการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้าน

ก่อนคำนวณว่า ควรติดแผงโซลาร์เซลล์ขนาดไหน สิ่งแรกที่ต้องรู้ คือ บ้านของเราใช้ไฟในแต่ละเดือนเท่าไหร่ เพราะหากติดน้อยเกิน ไฟอาจไม่พอใช้ หากติดมากเกินก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ วิธีง่ายๆ ที่หลายคนมักใช้กันคือ หยิบบิลค่า ไฟมาดูย้อนหลัง โดยสังเกตตรงที่เขียนว่าใช้ไปกี่หน่วยต่อเดือน (หน่วยตรงนี้หมายถึงกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือ kWh) บ้านทั่วไปมักใช้ราวๆ 200–500 หน่วย ขึ้นอยู่กับว่ามีคนอยู่กี่คน ใช้แอร์บ่อยไหม เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นหรือเปล่า ฯลฯ

เช่น ถ้าบ้านคุณใช้ไฟเฉลี่ยเดือนละ 400 หน่วย ก็แปลว่าทั้งวันใช้ไฟราว ๆ 13.3 หน่วย หรือ 13.3 kWh สิ่งนี้แหละคือ ข้อมูลตั้งต้นที่ใช้วางแผนระบบโซลาร์เซลล์ ให้เหมาะกับบ้านเรา นอกจากดูจากบิลแล้ว ลองสังเกตพฤติกรรมในบ้านประกอบด้วย เช่น เปิดแอร์ตลอดทั้งวัน หรือ เปิดเฉพาะตอนกลางคืน เปิดทีวีทั้งวันไหม มีใครชาร์จรถไฟฟ้าหรือเปล่า เพราะ พฤติกรรมการใช้ไฟพวกนี้มีผลกับปริมาณไฟที่ ควรผลิตจากแผงโซลาร์เซลล์ กล่าวคือ ยิ่งเรารู้พฤติกรรมการใช้ไฟของบ้านตัวเอง มากเท่าไหร่ การวางแผนระบบก็จะยิ่งแม่นและคุ้มมากขึ้นเท่านั้น

หลักการเบื้องต้นของแผงโซลาร์เซลล์

แผงโซลาร์เซลล์ หรือที่เรียกกันว่า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนแสงแดดให้กลายเป็นไฟฟ้าไว้ใช้งานได้ทันที หรือ เก็บใส่แบตเตอรี่ไว้ใช้ตอนที่ต้องการ เบื้องหลังการทำงานของมัน คือเทคโนโลยีชื่อว่า Photovoltaic หรือ PV ที่เมื่อแสงแดดมากระทบเซลล์ในแผง อิเล็กตรอนจะเคลื่อนตัวแล้วเกิดเป็นกระแสไฟฟ้าแบบตรง (DC)  โดยตัวเซลล์ ในแผงโซลาร์เซลล์ทำจากวัสดุกึ่งตัวนำอย่างซิลิคอน ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ ที่ตอบสนองต่อแสงได้ดี พอเอาเซลล์หลายอันมาต่อรวมกันก็จะกลายเป็น แผงหรือโมดูลที่ผลิตไฟฟ้าได้มากพอสำหรับใช้งานในบ้านได้จริง

แผงโซลาร์เซลล์ที่นิยมกันตอนนี้มี 3 แบบคือ

  1. Monocrystalline – ทำจากผลึกซิลิคอนแบบแท่งเดียว ประสิทธิภาพดีเยี่ยม ประหยัดพื้นที่ ใช้งานได้นาน แต่มีราคาสูง
  2. Polycrystalline – ทำจากเศษผลึกซิลิคอนหลายก้อนหลอมรวมกัน ราคาย่อมเยากว่าแบบแรก และประสิทธิภาพด้อยกว่า
  3. Thin-Film – บาง เบา ยืดหยุ่นดี ติดตั้งง่าย เหมาะกับพื้นที่กว้าง แต่ประสิทธิภาพจะต่ำกว่าแบบอื่น และต้องใช้พื้นที่มากกว่า

เวลาเลือกแผง นอกจากดูชนิดแล้ว ต้องดูกำลังไฟฟ้าสูงสุด (Watt Peak หรือ Wp) ว่าแผงผลิตไฟได้เท่าไหร่ภายใต้แสงที่เหมาะสม กับอีกตัวคือ ประสิทธิภาพ (%) ที่บอกว่าแผงแปลงแสงมาเป็นไฟฟ้าได้ดีแค่ไหน เมื่อเข้าใจภาพรวมแล้ว เวลาเลือกแผงติดบ้านก็จะง่ายขึ้น ไม่ต้องง้อคำแนะนำจากช่างอย่างเดียว เพราะเราก็มีพื้นฐานพอจะตัดสินใจเองได้ว่าอะไรเหมาะกับบ้านเราที่สุด

วิธีคำนวณขนาดแผงโซลาร์เซลล์แบบง่าย ๆ

อยากรู้ว่าบ้านเราควรติดแผงโซลาร์กี่แผง ไม่ต้องเป็นวิศวกรก็สามารถ คิดคำนวนคร่าวๆ ได้เอง เพียงมีข้อมูลพื้นฐานก็ช่วยให้วางแผนการซื้อได้แบบคุ้มค่า ไม่เสียเงินเกินความจำเป็น

  1. รู้ก่อนว่าบ้านใช้ไฟเท่าไหร่
    เริ่มจากดูบิลค่าไฟย้อนหลัง แล้วหารเฉลี่ยต่อวัน สมมติว่าเดือนนึงใช้ไฟ 390 หน่วย (หรือ 390 kWh) เอา 390 ÷ 30 วัน = ใช้ประมาณ 13 kWh ต่อวัน
  2. รู้ว่าแดดบ้านคุณแรงแค่ไหน
    เมืองไทยแดดดีแทบทั้งปี โดยเฉลี่ยแผงโซลาร์จะรับแสงแดดเต็มๆ ประมาณ 4.5 – 5.5 ชั่วโมงต่อวัน (Peak Sun Hours) ถ้าอยู่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือในเมืองใหญ่ให้คิดเหมาแบบกลางๆ ไปเลย 5 ชั่วโมง
  3. คำนวณว่าแผงต้องผลิตไฟได้เท่าไหร่ต่อวัน
    ใช้สูตรง่ายๆ คือ ไฟที่ใช้ต่อวัน ÷ ชั่วโมงแดดเฉลี่ย
    เช่น 13 ÷ 5 = 2.6 kW หรือ 2600 Wp
  4. เผื่อไฟหายระหว่างทางด้วย (การสูญเสียพลังงาน)
    ไฟที่ผลิตได้จากแผงไม่ได้ถึงบ้าน 100% เพราะจะมีการสูญเสีย จากอินเวอร์เตอร์ สายไฟ ความร้อน และอุปกรณ์ต่าง ๆ แนะนำ ให้บวกเพิ่มไปอีก 15%
    2600 + 15% ≈ 2990 Wp หรือกลม ๆ ไปเลย 3000 Wp (3 kWp)
  5. คิดจำนวนแผงที่ต้องใช้
    ถ้าเลือกแผงขนาด 450 Wp เอา 3000 ÷ 450 = ประมาณ 6.6 แผง
    หมายความว่าควรติดตั้งสัก 7 แผงเพื่อให้ได้ไฟกำลังใกล้เคียง 3 kWp

ปัจจัยเสริมที่ต้องคิดก่อนติดโซลาร์เซลล์

การคำนวณขนาดแผงจากการใช้ไฟฟ้าและจำนวนชั่วโมงที่แดดตกถึงเป็น พื้นฐานที่ดี แต่ถ้าอยากให้ระบบโซลาร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและ คุ้มค่าในระยะยาวมีอีกหลายเรื่องที่ควรคำนึงถึงเช่น

  1. ขนาดของพื้นที่ติดตั้ง
    แผงโซลาร์เซลล์แผงนึงใช้พื้นที่ประมาณ 1.8 ตารางเมตร ถ้าต้องการติด 7 แผงก็ต้องมีพื้นที่ประมาณ 12–14 ตารางเมตร ที่สำคัญคือ พื้นที่นั้น ควรโดนแดดเต็มๆ ทั้งวัน ไม่มีเงาต้นไม้หรืออาคารมาบังไม่งั้นประสิทธิภาพ จะลดลงทันที
  2. มุมและทิศทางของแผงสำคัญมาก
    แผงควรหันไปทางทิศใต้ (สำหรับเมืองไทย) และเอียงประมาณ 10–15 องศา หรือปรับตามตำแหน่งของจังหวัด ถ้าหันผิดทิศหรือวางราบเกินไป แผงจะรับแดดได้น้อยลง ผลิตไฟได้น้อยกว่าที่ควรได้
  3. งบประมาณในกระเป๋า
    ระบบใหญ่ขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น แต่ราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย
    1. ถ้าใช้ไฟน้อย ระบบเล็กๆ (1–2 kWp) ก็พอ
    2. ถ้าอยากคืนทุนเร็ว หรือใช้ไฟเยอะ ก็ต้องไปที่ระบบกลาง–ใหญ่ (3–5 kWp) แนะนำให้ตั้งงบไว้ก่อนจะได้เลือกได้ตรงกับความต้องการและกำลังจ่าย
  4. คำนึงเรื่องการติดแบตเตอรี่
    ถ้าอยากใช้ไฟตอนกลางคืน หรือมีไฟสำรองเวลาไฟดับ แบตเตอรี่คือ ทางเลือกที่ดี แต่ค่าใช้จ่ายจะแพงขึ้นพอสมควร ต้องดูแลและเปลี่ยน เมื่อแบตเสื่อม ถ้าเน้นใช้ตอนกลางวันอย่างเดียวก็ไม่จำเป็นต้องติด แบตเตอรี่ก็ได้
  5. คัดเลือกระบบ
    1. On-Grid: ต่อกับไฟฟ้า ใช้งานง่าย ราคาย่อมเยา ไม่ต้องมีแบต
    2. Off-Grid: ไม่ใช้ไฟฟ้า เหมาะกับบ้านในพื้นที่ห่างไกล แต่ราคาสูง
    3. Hybrid: ผสมทั้งสามแบบ ยืดหยุ่นดี แต่ระบบจะซับซ้อน และราคาสูง

การจะเลือกระบบแบบไหนต้องดูจากการใช้งานจริงของบ้านเราว่า อยากประหยัดแค่ไหน ใช้ไฟช่วงเวลาใด หรืออยากมีไฟสำรองด้วยไหม

สรุป

การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไม่ได้มีแค่เรื่องการเลือกอุปกรณ์ที่ดีเท่านั้น การคำนวณขนาดระบบให้เหมาะสมก็เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน เพราะระบบที่เหมาะกับการใช้ไฟจริงจะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้สูงในระยะยาว และคุ้มค่ากับเงินลงทุนมากที่สุด เราควรเริ่มจากการทำความเข้าใจ พฤติกรรมการใช้ไฟของบ้าน วิเคราะห์พื้นที่และสภาพแวดล้อมสำหรับติดตั้ง ก่อนนำข้อมูลทั้งหมดมาคำนวณหาขนาดแผงที่เหมาะสม พร้อมเผื่อค่าความ สูญเสียที่เกิดขึ้นในระบบ ที่สำคัญอย่าลืมพิจารณาปัจจัยเสริมเช่น ทิศทางแดด พื้นที่ติดตั้ง งบประมาณ รวมถึงประเภทระบบที่ใช้งานด้วย  สุดท้ายนี้ หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน ลองใช้เครื่องมือคำนวณออนไลน์ หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมก็ได้ เพราะการวางแผนที่รอบคอบตั้งแต่ต้น จะช่วยให้คุณได้ระบบโซลาร์ที่ทั้งประหยัดไฟ ใช้งานได้จริง และคุ้มค่าที่สุด สำหรับบ้านของคุณ

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique. Duis cursus, mi quis viverra ornare, eros dolor interdum nulla, ut commodo diam libero vitae erat. Aenean faucibus nibh et justo cursus id rutrum lorem imperdiet. Nunc ut sem vitae risus tristique posuere.

วิธีการเลือกขนาดแผงโซลาร์เซลล์ให้เหมาะกับบ้านของคุณ: คู่มือฉบับสมบูรณ์

วิธีการเลือกขนาดแผงโซลาร์เซลล์ให้เหมาะกับบ้านของคุณ: คู่มือฉบับสมบูรณ์

คู่มือนี้จะแสดงวิธีการคำนวณขนาดแผงโซลาร์เซลล์ที่เหมาะสมสำหรับบ้านของคุณแบบง่ายๆ และมีประสิทธิภาพ

Lorem ipsum dolor amet consectetur adipiscing elit tortor massa arcu non.

บทนำ

ช่วงนี้หลายคนเริ่มหันมาติดแผงโซลาร์เซลล์กันมากขึ้น เพราะช่วยลดค่าไฟได้จริง อีกทั้งเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ทำร้ายโลกอีกด้วย แต่พอเริ่มคิดจะติดตั้ง คำถามที่มักโผล่มาทุกครั้งก็คือ ต้องใช้แผงขนาดเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะกับบ้านเรา? หากติดน้อยไป ไฟก็อาจไม่พอใช้ ต้องเสียค่าไฟเพิ่ม แต่หากติดมากเกินไปก็เสียเงินเกินความจำเป็น ดังนั้นการเลือกขนาดแผง ให้เหมาะกับการใช้งานจริงในแต่ละบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรคิดถึง และไม่ใช่แค่ดูว่าเรามีเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกี่ชิ้นเท่านั้น แต่ยังต้องดูด้วยว่า เราใช้ไฟช่วงเวลาไหนบ้าง บ้านเรารับแดดดีแค่ไหน พื้นที่ที่ติดตั้งแผงมีร่มเงาบังไหม 

บทความนี้จะช่วยสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน ทำแบบไหนจึงจะคุ้มค่า พร้อมบอกเคล็ดลับเล็กน้อยสำหรับคนที่กำลังวางแผน จะติดโซลาร์เซลล์ให้ใช้สามารถใช้งานได้จริงและคุ้มค่าในระยะยาว

เข้าใจการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้าน

ก่อนคำนวณว่า ควรติดแผงโซลาร์เซลล์ขนาดไหน สิ่งแรกที่ต้องรู้ คือ บ้านของเราใช้ไฟในแต่ละเดือนเท่าไหร่ เพราะหากติดน้อยเกิน ไฟอาจไม่พอใช้ หากติดมากเกินก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ วิธีง่ายๆ ที่หลายคนมักใช้กันคือ หยิบบิลค่า ไฟมาดูย้อนหลัง โดยสังเกตตรงที่เขียนว่าใช้ไปกี่หน่วยต่อเดือน (หน่วยตรงนี้หมายถึงกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือ kWh) บ้านทั่วไปมักใช้ราวๆ 200–500 หน่วย ขึ้นอยู่กับว่ามีคนอยู่กี่คน ใช้แอร์บ่อยไหม เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นหรือเปล่า ฯลฯ

เช่น ถ้าบ้านคุณใช้ไฟเฉลี่ยเดือนละ 400 หน่วย ก็แปลว่าทั้งวันใช้ไฟราว ๆ 13.3 หน่วย หรือ 13.3 kWh สิ่งนี้แหละคือ ข้อมูลตั้งต้นที่ใช้วางแผนระบบโซลาร์เซลล์ ให้เหมาะกับบ้านเรา นอกจากดูจากบิลแล้ว ลองสังเกตพฤติกรรมในบ้านประกอบด้วย เช่น เปิดแอร์ตลอดทั้งวัน หรือ เปิดเฉพาะตอนกลางคืน เปิดทีวีทั้งวันไหม มีใครชาร์จรถไฟฟ้าหรือเปล่า เพราะ พฤติกรรมการใช้ไฟพวกนี้มีผลกับปริมาณไฟที่ ควรผลิตจากแผงโซลาร์เซลล์ กล่าวคือ ยิ่งเรารู้พฤติกรรมการใช้ไฟของบ้านตัวเอง มากเท่าไหร่ การวางแผนระบบก็จะยิ่งแม่นและคุ้มมากขึ้นเท่านั้น

หลักการเบื้องต้นของแผงโซลาร์เซลล์

แผงโซลาร์เซลล์ หรือที่เรียกกันว่า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนแสงแดดให้กลายเป็นไฟฟ้าไว้ใช้งานได้ทันที หรือ เก็บใส่แบตเตอรี่ไว้ใช้ตอนที่ต้องการ เบื้องหลังการทำงานของมัน คือเทคโนโลยีชื่อว่า Photovoltaic หรือ PV ที่เมื่อแสงแดดมากระทบเซลล์ในแผง อิเล็กตรอนจะเคลื่อนตัวแล้วเกิดเป็นกระแสไฟฟ้าแบบตรง (DC)  โดยตัวเซลล์ ในแผงโซลาร์เซลล์ทำจากวัสดุกึ่งตัวนำอย่างซิลิคอน ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ ที่ตอบสนองต่อแสงได้ดี พอเอาเซลล์หลายอันมาต่อรวมกันก็จะกลายเป็น แผงหรือโมดูลที่ผลิตไฟฟ้าได้มากพอสำหรับใช้งานในบ้านได้จริง

แผงโซลาร์เซลล์ที่นิยมกันตอนนี้มี 3 แบบคือ

  1. Monocrystalline – ทำจากผลึกซิลิคอนแบบแท่งเดียว ประสิทธิภาพดีเยี่ยม ประหยัดพื้นที่ ใช้งานได้นาน แต่มีราคาสูง
  2. Polycrystalline – ทำจากเศษผลึกซิลิคอนหลายก้อนหลอมรวมกัน ราคาย่อมเยากว่าแบบแรก และประสิทธิภาพด้อยกว่า
  3. Thin-Film – บาง เบา ยืดหยุ่นดี ติดตั้งง่าย เหมาะกับพื้นที่กว้าง แต่ประสิทธิภาพจะต่ำกว่าแบบอื่น และต้องใช้พื้นที่มากกว่า

เวลาเลือกแผง นอกจากดูชนิดแล้ว ต้องดูกำลังไฟฟ้าสูงสุด (Watt Peak หรือ Wp) ว่าแผงผลิตไฟได้เท่าไหร่ภายใต้แสงที่เหมาะสม กับอีกตัวคือ ประสิทธิภาพ (%) ที่บอกว่าแผงแปลงแสงมาเป็นไฟฟ้าได้ดีแค่ไหน เมื่อเข้าใจภาพรวมแล้ว เวลาเลือกแผงติดบ้านก็จะง่ายขึ้น ไม่ต้องง้อคำแนะนำจากช่างอย่างเดียว เพราะเราก็มีพื้นฐานพอจะตัดสินใจเองได้ว่าอะไรเหมาะกับบ้านเราที่สุด

วิธีคำนวณขนาดแผงโซลาร์เซลล์แบบง่าย ๆ

อยากรู้ว่าบ้านเราควรติดแผงโซลาร์กี่แผง ไม่ต้องเป็นวิศวกรก็สามารถ คิดคำนวนคร่าวๆ ได้เอง เพียงมีข้อมูลพื้นฐานก็ช่วยให้วางแผนการซื้อได้แบบคุ้มค่า ไม่เสียเงินเกินความจำเป็น

  1. รู้ก่อนว่าบ้านใช้ไฟเท่าไหร่
    เริ่มจากดูบิลค่าไฟย้อนหลัง แล้วหารเฉลี่ยต่อวัน สมมติว่าเดือนนึงใช้ไฟ 390 หน่วย (หรือ 390 kWh) เอา 390 ÷ 30 วัน = ใช้ประมาณ 13 kWh ต่อวัน
  2. รู้ว่าแดดบ้านคุณแรงแค่ไหน
    เมืองไทยแดดดีแทบทั้งปี โดยเฉลี่ยแผงโซลาร์จะรับแสงแดดเต็มๆ ประมาณ 4.5 – 5.5 ชั่วโมงต่อวัน (Peak Sun Hours) ถ้าอยู่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือในเมืองใหญ่ให้คิดเหมาแบบกลางๆ ไปเลย 5 ชั่วโมง
  3. คำนวณว่าแผงต้องผลิตไฟได้เท่าไหร่ต่อวัน
    ใช้สูตรง่ายๆ คือ ไฟที่ใช้ต่อวัน ÷ ชั่วโมงแดดเฉลี่ย
    เช่น 13 ÷ 5 = 2.6 kW หรือ 2600 Wp
  4. เผื่อไฟหายระหว่างทางด้วย (การสูญเสียพลังงาน)
    ไฟที่ผลิตได้จากแผงไม่ได้ถึงบ้าน 100% เพราะจะมีการสูญเสีย จากอินเวอร์เตอร์ สายไฟ ความร้อน และอุปกรณ์ต่าง ๆ แนะนำ ให้บวกเพิ่มไปอีก 15%
    2600 + 15% ≈ 2990 Wp หรือกลม ๆ ไปเลย 3000 Wp (3 kWp)
  5. คิดจำนวนแผงที่ต้องใช้
    ถ้าเลือกแผงขนาด 450 Wp เอา 3000 ÷ 450 = ประมาณ 6.6 แผง
    หมายความว่าควรติดตั้งสัก 7 แผงเพื่อให้ได้ไฟกำลังใกล้เคียง 3 kWp

ปัจจัยเสริมที่ต้องคิดก่อนติดโซลาร์เซลล์

การคำนวณขนาดแผงจากการใช้ไฟฟ้าและจำนวนชั่วโมงที่แดดตกถึงเป็น พื้นฐานที่ดี แต่ถ้าอยากให้ระบบโซลาร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและ คุ้มค่าในระยะยาวมีอีกหลายเรื่องที่ควรคำนึงถึงเช่น

  1. ขนาดของพื้นที่ติดตั้ง
    แผงโซลาร์เซลล์แผงนึงใช้พื้นที่ประมาณ 1.8 ตารางเมตร ถ้าต้องการติด 7 แผงก็ต้องมีพื้นที่ประมาณ 12–14 ตารางเมตร ที่สำคัญคือ พื้นที่นั้น ควรโดนแดดเต็มๆ ทั้งวัน ไม่มีเงาต้นไม้หรืออาคารมาบังไม่งั้นประสิทธิภาพ จะลดลงทันที
  2. มุมและทิศทางของแผงสำคัญมาก
    แผงควรหันไปทางทิศใต้ (สำหรับเมืองไทย) และเอียงประมาณ 10–15 องศา หรือปรับตามตำแหน่งของจังหวัด ถ้าหันผิดทิศหรือวางราบเกินไป แผงจะรับแดดได้น้อยลง ผลิตไฟได้น้อยกว่าที่ควรได้
  3. งบประมาณในกระเป๋า
    ระบบใหญ่ขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น แต่ราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย
    1. ถ้าใช้ไฟน้อย ระบบเล็กๆ (1–2 kWp) ก็พอ
    2. ถ้าอยากคืนทุนเร็ว หรือใช้ไฟเยอะ ก็ต้องไปที่ระบบกลาง–ใหญ่ (3–5 kWp) แนะนำให้ตั้งงบไว้ก่อนจะได้เลือกได้ตรงกับความต้องการและกำลังจ่าย
  4. คำนึงเรื่องการติดแบตเตอรี่
    ถ้าอยากใช้ไฟตอนกลางคืน หรือมีไฟสำรองเวลาไฟดับ แบตเตอรี่คือ ทางเลือกที่ดี แต่ค่าใช้จ่ายจะแพงขึ้นพอสมควร ต้องดูแลและเปลี่ยน เมื่อแบตเสื่อม ถ้าเน้นใช้ตอนกลางวันอย่างเดียวก็ไม่จำเป็นต้องติด แบตเตอรี่ก็ได้
  5. คัดเลือกระบบ
    1. On-Grid: ต่อกับไฟฟ้า ใช้งานง่าย ราคาย่อมเยา ไม่ต้องมีแบต
    2. Off-Grid: ไม่ใช้ไฟฟ้า เหมาะกับบ้านในพื้นที่ห่างไกล แต่ราคาสูง
    3. Hybrid: ผสมทั้งสามแบบ ยืดหยุ่นดี แต่ระบบจะซับซ้อน และราคาสูง

การจะเลือกระบบแบบไหนต้องดูจากการใช้งานจริงของบ้านเราว่า อยากประหยัดแค่ไหน ใช้ไฟช่วงเวลาใด หรืออยากมีไฟสำรองด้วยไหม

สรุป

การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไม่ได้มีแค่เรื่องการเลือกอุปกรณ์ที่ดีเท่านั้น การคำนวณขนาดระบบให้เหมาะสมก็เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน เพราะระบบที่เหมาะกับการใช้ไฟจริงจะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้สูงในระยะยาว และคุ้มค่ากับเงินลงทุนมากที่สุด เราควรเริ่มจากการทำความเข้าใจ พฤติกรรมการใช้ไฟของบ้าน วิเคราะห์พื้นที่และสภาพแวดล้อมสำหรับติดตั้ง ก่อนนำข้อมูลทั้งหมดมาคำนวณหาขนาดแผงที่เหมาะสม พร้อมเผื่อค่าความ สูญเสียที่เกิดขึ้นในระบบ ที่สำคัญอย่าลืมพิจารณาปัจจัยเสริมเช่น ทิศทางแดด พื้นที่ติดตั้ง งบประมาณ รวมถึงประเภทระบบที่ใช้งานด้วย  สุดท้ายนี้ หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน ลองใช้เครื่องมือคำนวณออนไลน์ หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมก็ได้ เพราะการวางแผนที่รอบคอบตั้งแต่ต้น จะช่วยให้คุณได้ระบบโซลาร์ที่ทั้งประหยัดไฟ ใช้งานได้จริง และคุ้มค่าที่สุด สำหรับบ้านของคุณ