ไขข้อข้องใจเรื่องพารามิเตอร์ S: คู่มือปฏิบัติสำหรับการวัดค่าด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับพารามิเตอร์ S และการใช้งานการวัดด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

ไขข้อข้องใจเรื่องพารามิเตอร์ S: คู่มือปฏิบัติสำหรับการวัดค่าด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

พารามิเตอร์การกระเจิงหรือพารามิเตอร์ S เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญต่อการกำหนดลักษณะเครือข่ายความถี่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความถี่วิทยุ (RF) ไมโครเวฟ และแอปพลิเคชันดิจิทัลความเร็วสูง ซึ่งแตกต่างจากพารามิเตอร์อิมพีแดนซ์ หรือพารามิเตอร์แอดมิทแทนซ์แบบเดิม

พารามิเตอร์ S จะอธิบายถึงการแพร่กระจายของสัญญาณไฟฟ้า ผ่านเครือข่าย ทำให้พารามิเตอร์เหล่านี้จำเป็นต่อการวิเคราะห์วงจร และระบบสมัยใหม่ ในบทความนี้จึงนำเสนอแนวทางปฏิบัติในการทำความเข้าใจพารามิเตอร์ S การวัดโดยใช้เครื่องวิเคราะห์เครือข่าย รวมถึงการใช้งานจริง โดยผู้อ่านสามารถเข้าใจการวัด ตีความแปรผล และใช้พารามิเตอร์ S ได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพารามิเตอร์ S

คำจำกัดความและพื้นฐาน

พารามิเตอร์ S คือชุดพารามิเตอร์เชิงเส้นที่ขึ้นอยู่กับความถี่ ใช้ในการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นตกกระทบและคลื่นสะท้อนใน เครือข่ายไฟฟ้า

พารามิเตอร์เหล่านี้แสดงในรูปแบบเมทริกซ์ องค์ประกอบ Sij แต่ละอันแสดงถึงการตอบสนองที่พอร์ต I อันเนื่องมาจากอินพุตที่พอร์ต j

สำหรับเครือข่ายสองพอร์ต เมทริกซ์พารามิเตอร์ S คือ

                             [b1 b2]  = [S11 S12 S21 S22]   [a1 a2]  

ซึ่ง   a1,a2  = คลื่นตกกระทบ

      b1, b2 = คลื่นสะท้อน

     S11  = ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับของอินพุต

     S21  = ค่าเกนการส่งไปข้างหน้า

     S12  = ค่าเกนการส่งกลับ

     S22  = ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับของเอาต์พุต

ทำไมต้องใช้พารามิเตอร์ S?

  • เหมาะสำหรับการใช้งานความถี่สูง ซึ่งแตกต่างจากพารามิเตอร์ Z หรือ Y  โดยพารามิเตอร์ S จะหลีกเลี่ยงสภาวะวงจรเปิด/ ไฟฟ้าลัด วงจร ซึ่งไม่เหมาะกับความถี่ RF/ไมโครเวฟ
  • การวิเคราะห์กำลังไฟฟ้า เกี่ยวข้องโดยตรงกับการถ่ายเท ของพลังงาน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งาน RF และไมโครเวฟเป็นอย่างมาก
  • วิธีการวัดง่าย สามารถใช้เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายวัดพารามิเตอร์ S ได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบแบบใช้ prob ในการตรวจวัด

หลักพื้นฐานของเครื่่องวิเคราะห์เครือข่าย

ประเภทเครื่องวิเคราะห์โครงข่าย

  1. เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายเวกเตอร์ (VNA) วัดทั้งขนาดและเฟสของพารามิเตอร์ S
  2. เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายสเกลาร์ (SNA) วัดเฉพาะขนาดเท่านั้น (ราคาถูกกว่าแต่มีข้อจำกัด)

ส่วนประกอบหลัก VNA ประกอบด้วย

  1. แหล่งกำเนิดสัญญาณ กวาดความถี่ที่ต้องการ
  2. ตัวเชื่อม/ตัวแยกทิศทาง เพื่อแยกคลื่นตกกระทบและคลื่นสะท้อน
  3. ตัวรับหรือภาครับ ในการตรวจจับแอมพลิจูดและเฟสของสัญญาณ

การตั้งค่าหรือการ Calibration

การ Calibration เป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการขจัดข้อผิดพลาดของระบบ โดยทั่วไปมี  2 แบบคือ

  • SOLT (Short-Open-Load-Thru) การ calibrationที่มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน ใช้ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากสายสัญญาณ หัวสาย และตัวเครื่อง VNA ซึ่งเป็นการวัดตามมาตรฐานอ้างอิงที่ถูกต้อง
  • TRL (Thru-Reflect-Line) การ calibrationที่มีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ใช้เพิ่มความแม่นยำให้สูงขึ้น โดยที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับ สภาพแวดล้อมที่ไม่มีขั้วต่อ เช่น PCB โพรบบนเวเฟอร์ เป็นต้น

การวัดค่าพารามิเตอร์ S

1. การวัดค่าพอร์ตเดียวเทียบกับหลายพอร์ต

  • Single port วัด S11  ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อน
  • Two port วัดแบบเต็มระบบ  S11, S12,  S21, S22

2. ขั้นตอนการวัดทีละขั้นตอน

  1. เชื่อมต่อ DUT (อุปกรณ์ที่ทดสอบ) กับ VNA โดยใช้สายเคเบิลที่เหมาะสม
  2. เลือกช่วงความถี่ (เช่น 1 GHz ถึง 10 GHz)
  3. ดำเนินการสอบเทียบ (SOLT/TRL)
  4. เริ่มการกวาดและบันทึกพารามิเตอร์ S
  5. วิเคราะห์ข้อมูล (แผนภูมิ Smith Chart, กราฟขนาด/เฟส)

การแปรข้อมูลพารามิเตอร์ S

  1. การวิเคราะห์ขนาดและเฟส
    - ขนาด (dB): S21Insertion loss/gain,  S11 Return loss (คุณภาพการจับคู่)
    - เฟส: ระบุเวลาหน่วงและการกระจายตัว
  2. การแสดงแผนภูมิสมิธชาร์ต
    แผนภูมิสมิธชาร์ตแสดงการจับคู่ค่าอิมพีแดนซ์
    - จุดศูนย์กลาง 50Ω ( จับคู่ตรงกันอย่างสมบูรณ์)
    - วงกลมด้านนอก มีการสะท้อน (reflection) สูง

ความท้าทายและแนวทางแก้ไขทั่วไป

  1. ข้อผิดพลาดในการวัดและการตั้งค่าCalibration เช่น งอสายเคเบิล ทำให้เฟสไม่เสถียร นอกจากนี้ ความสามารถในการทำซ้ำ ของข้อต่อสาย ต้องใช้ประแจแรงบิดเพื่อให้เชื่อมต่อสม่ำเสมอ
  2. เงื่อนไขการวัดอื่นๆ การหาค่าเฉลี่ยของสัญญาณรบกวน เพิ่มจุดกวาดหรือปัจจัยการหาค่าเฉลี่ย มีผลต่อการแปรค่าของพารามิเตอร์ S

การนำพารามิเตอร์ S ไปประยุกต์ใช้งาน

  1. วิศวกรรมไฟฟ้าด้านการสื่อสาร RF และไมโครเวฟ การออกแบบเสาอากาศ การกำหนดลักษณะของตัวกรองการวิเคราะห์เสถียรภาพของตัวขยายสัญญาณ
  2. การออกแบบวงจรดิจิทัลความเร็วสูง
  3. การวิเคราะห์วงจร PCB การประเมินครอสทอล์ค หรือการสูญเสีย

บทสรุป

พารามิเตอร์ S มีกรอบทำงานในการวัดและแสดงคุณภาพ ในการวิเคราะห์เครือข่ายความถี่สูง เทคนิคการวัด การตั้งค่า Calibration และการแปรผลพารามิเตอร์ที่เหมาะสม พารามิเตอร์ S จึงสำคัญต่อการทำให้ผลลัพธ์แม่นยำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใน RF ไมโครเวฟ หรือแอปพลิเคชันวงจรดิจิทัลความเร็วสูง การเรียนรู้พารามิเตอร์ S จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบและการแก้ไขปัญหาระบบเครือข่ายสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไขข้อข้องใจเรื่องพารามิเตอร์ S: คู่มือปฏิบัติสำหรับการวัดค่าด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับพารามิเตอร์ S และการใช้งานการวัดด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

นักเขียนบทความ
by 
นักเขียนบทความ
ไขข้อข้องใจเรื่องพารามิเตอร์ S: คู่มือปฏิบัติสำหรับการวัดค่าด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

ไขข้อข้องใจเรื่องพารามิเตอร์ S: คู่มือปฏิบัติสำหรับการวัดค่าด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับพารามิเตอร์ S และการใช้งานการวัดด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

พารามิเตอร์การกระเจิงหรือพารามิเตอร์ S เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญต่อการกำหนดลักษณะเครือข่ายความถี่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความถี่วิทยุ (RF) ไมโครเวฟ และแอปพลิเคชันดิจิทัลความเร็วสูง ซึ่งแตกต่างจากพารามิเตอร์อิมพีแดนซ์ หรือพารามิเตอร์แอดมิทแทนซ์แบบเดิม

พารามิเตอร์ S จะอธิบายถึงการแพร่กระจายของสัญญาณไฟฟ้า ผ่านเครือข่าย ทำให้พารามิเตอร์เหล่านี้จำเป็นต่อการวิเคราะห์วงจร และระบบสมัยใหม่ ในบทความนี้จึงนำเสนอแนวทางปฏิบัติในการทำความเข้าใจพารามิเตอร์ S การวัดโดยใช้เครื่องวิเคราะห์เครือข่าย รวมถึงการใช้งานจริง โดยผู้อ่านสามารถเข้าใจการวัด ตีความแปรผล และใช้พารามิเตอร์ S ได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพารามิเตอร์ S

คำจำกัดความและพื้นฐาน

พารามิเตอร์ S คือชุดพารามิเตอร์เชิงเส้นที่ขึ้นอยู่กับความถี่ ใช้ในการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นตกกระทบและคลื่นสะท้อนใน เครือข่ายไฟฟ้า

พารามิเตอร์เหล่านี้แสดงในรูปแบบเมทริกซ์ องค์ประกอบ Sij แต่ละอันแสดงถึงการตอบสนองที่พอร์ต I อันเนื่องมาจากอินพุตที่พอร์ต j

สำหรับเครือข่ายสองพอร์ต เมทริกซ์พารามิเตอร์ S คือ

                             [b1 b2]  = [S11 S12 S21 S22]   [a1 a2]  

ซึ่ง   a1,a2  = คลื่นตกกระทบ

      b1, b2 = คลื่นสะท้อน

     S11  = ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับของอินพุต

     S21  = ค่าเกนการส่งไปข้างหน้า

     S12  = ค่าเกนการส่งกลับ

     S22  = ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับของเอาต์พุต

ทำไมต้องใช้พารามิเตอร์ S?

  • เหมาะสำหรับการใช้งานความถี่สูง ซึ่งแตกต่างจากพารามิเตอร์ Z หรือ Y  โดยพารามิเตอร์ S จะหลีกเลี่ยงสภาวะวงจรเปิด/ ไฟฟ้าลัด วงจร ซึ่งไม่เหมาะกับความถี่ RF/ไมโครเวฟ
  • การวิเคราะห์กำลังไฟฟ้า เกี่ยวข้องโดยตรงกับการถ่ายเท ของพลังงาน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งาน RF และไมโครเวฟเป็นอย่างมาก
  • วิธีการวัดง่าย สามารถใช้เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายวัดพารามิเตอร์ S ได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบแบบใช้ prob ในการตรวจวัด

หลักพื้นฐานของเครื่่องวิเคราะห์เครือข่าย

ประเภทเครื่องวิเคราะห์โครงข่าย

  1. เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายเวกเตอร์ (VNA) วัดทั้งขนาดและเฟสของพารามิเตอร์ S
  2. เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายสเกลาร์ (SNA) วัดเฉพาะขนาดเท่านั้น (ราคาถูกกว่าแต่มีข้อจำกัด)

ส่วนประกอบหลัก VNA ประกอบด้วย

  1. แหล่งกำเนิดสัญญาณ กวาดความถี่ที่ต้องการ
  2. ตัวเชื่อม/ตัวแยกทิศทาง เพื่อแยกคลื่นตกกระทบและคลื่นสะท้อน
  3. ตัวรับหรือภาครับ ในการตรวจจับแอมพลิจูดและเฟสของสัญญาณ

การตั้งค่าหรือการ Calibration

การ Calibration เป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการขจัดข้อผิดพลาดของระบบ โดยทั่วไปมี  2 แบบคือ

  • SOLT (Short-Open-Load-Thru) การ calibrationที่มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน ใช้ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากสายสัญญาณ หัวสาย และตัวเครื่อง VNA ซึ่งเป็นการวัดตามมาตรฐานอ้างอิงที่ถูกต้อง
  • TRL (Thru-Reflect-Line) การ calibrationที่มีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ใช้เพิ่มความแม่นยำให้สูงขึ้น โดยที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับ สภาพแวดล้อมที่ไม่มีขั้วต่อ เช่น PCB โพรบบนเวเฟอร์ เป็นต้น

การวัดค่าพารามิเตอร์ S

1. การวัดค่าพอร์ตเดียวเทียบกับหลายพอร์ต

  • Single port วัด S11  ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อน
  • Two port วัดแบบเต็มระบบ  S11, S12,  S21, S22

2. ขั้นตอนการวัดทีละขั้นตอน

  1. เชื่อมต่อ DUT (อุปกรณ์ที่ทดสอบ) กับ VNA โดยใช้สายเคเบิลที่เหมาะสม
  2. เลือกช่วงความถี่ (เช่น 1 GHz ถึง 10 GHz)
  3. ดำเนินการสอบเทียบ (SOLT/TRL)
  4. เริ่มการกวาดและบันทึกพารามิเตอร์ S
  5. วิเคราะห์ข้อมูล (แผนภูมิ Smith Chart, กราฟขนาด/เฟส)

การแปรข้อมูลพารามิเตอร์ S

  1. การวิเคราะห์ขนาดและเฟส
    - ขนาด (dB): S21Insertion loss/gain,  S11 Return loss (คุณภาพการจับคู่)
    - เฟส: ระบุเวลาหน่วงและการกระจายตัว
  2. การแสดงแผนภูมิสมิธชาร์ต
    แผนภูมิสมิธชาร์ตแสดงการจับคู่ค่าอิมพีแดนซ์
    - จุดศูนย์กลาง 50Ω ( จับคู่ตรงกันอย่างสมบูรณ์)
    - วงกลมด้านนอก มีการสะท้อน (reflection) สูง

ความท้าทายและแนวทางแก้ไขทั่วไป

  1. ข้อผิดพลาดในการวัดและการตั้งค่าCalibration เช่น งอสายเคเบิล ทำให้เฟสไม่เสถียร นอกจากนี้ ความสามารถในการทำซ้ำ ของข้อต่อสาย ต้องใช้ประแจแรงบิดเพื่อให้เชื่อมต่อสม่ำเสมอ
  2. เงื่อนไขการวัดอื่นๆ การหาค่าเฉลี่ยของสัญญาณรบกวน เพิ่มจุดกวาดหรือปัจจัยการหาค่าเฉลี่ย มีผลต่อการแปรค่าของพารามิเตอร์ S

การนำพารามิเตอร์ S ไปประยุกต์ใช้งาน

  1. วิศวกรรมไฟฟ้าด้านการสื่อสาร RF และไมโครเวฟ การออกแบบเสาอากาศ การกำหนดลักษณะของตัวกรองการวิเคราะห์เสถียรภาพของตัวขยายสัญญาณ
  2. การออกแบบวงจรดิจิทัลความเร็วสูง
  3. การวิเคราะห์วงจร PCB การประเมินครอสทอล์ค หรือการสูญเสีย

บทสรุป

พารามิเตอร์ S มีกรอบทำงานในการวัดและแสดงคุณภาพ ในการวิเคราะห์เครือข่ายความถี่สูง เทคนิคการวัด การตั้งค่า Calibration และการแปรผลพารามิเตอร์ที่เหมาะสม พารามิเตอร์ S จึงสำคัญต่อการทำให้ผลลัพธ์แม่นยำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใน RF ไมโครเวฟ หรือแอปพลิเคชันวงจรดิจิทัลความเร็วสูง การเรียนรู้พารามิเตอร์ S จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบและการแก้ไขปัญหาระบบเครือข่ายสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique. Duis cursus, mi quis viverra ornare, eros dolor interdum nulla, ut commodo diam libero vitae erat. Aenean faucibus nibh et justo cursus id rutrum lorem imperdiet. Nunc ut sem vitae risus tristique posuere.

ไขข้อข้องใจเรื่องพารามิเตอร์ S: คู่มือปฏิบัติสำหรับการวัดค่าด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

ไขข้อข้องใจเรื่องพารามิเตอร์ S: คู่มือปฏิบัติสำหรับการวัดค่าด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับพารามิเตอร์ S และการใช้งานการวัดด้วยเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย

Lorem ipsum dolor amet consectetur adipiscing elit tortor massa arcu non.

พารามิเตอร์การกระเจิงหรือพารามิเตอร์ S เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญต่อการกำหนดลักษณะเครือข่ายความถี่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความถี่วิทยุ (RF) ไมโครเวฟ และแอปพลิเคชันดิจิทัลความเร็วสูง ซึ่งแตกต่างจากพารามิเตอร์อิมพีแดนซ์ หรือพารามิเตอร์แอดมิทแทนซ์แบบเดิม

พารามิเตอร์ S จะอธิบายถึงการแพร่กระจายของสัญญาณไฟฟ้า ผ่านเครือข่าย ทำให้พารามิเตอร์เหล่านี้จำเป็นต่อการวิเคราะห์วงจร และระบบสมัยใหม่ ในบทความนี้จึงนำเสนอแนวทางปฏิบัติในการทำความเข้าใจพารามิเตอร์ S การวัดโดยใช้เครื่องวิเคราะห์เครือข่าย รวมถึงการใช้งานจริง โดยผู้อ่านสามารถเข้าใจการวัด ตีความแปรผล และใช้พารามิเตอร์ S ได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพารามิเตอร์ S

คำจำกัดความและพื้นฐาน

พารามิเตอร์ S คือชุดพารามิเตอร์เชิงเส้นที่ขึ้นอยู่กับความถี่ ใช้ในการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นตกกระทบและคลื่นสะท้อนใน เครือข่ายไฟฟ้า

พารามิเตอร์เหล่านี้แสดงในรูปแบบเมทริกซ์ องค์ประกอบ Sij แต่ละอันแสดงถึงการตอบสนองที่พอร์ต I อันเนื่องมาจากอินพุตที่พอร์ต j

สำหรับเครือข่ายสองพอร์ต เมทริกซ์พารามิเตอร์ S คือ

                             [b1 b2]  = [S11 S12 S21 S22]   [a1 a2]  

ซึ่ง   a1,a2  = คลื่นตกกระทบ

      b1, b2 = คลื่นสะท้อน

     S11  = ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับของอินพุต

     S21  = ค่าเกนการส่งไปข้างหน้า

     S12  = ค่าเกนการส่งกลับ

     S22  = ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับของเอาต์พุต

ทำไมต้องใช้พารามิเตอร์ S?

  • เหมาะสำหรับการใช้งานความถี่สูง ซึ่งแตกต่างจากพารามิเตอร์ Z หรือ Y  โดยพารามิเตอร์ S จะหลีกเลี่ยงสภาวะวงจรเปิด/ ไฟฟ้าลัด วงจร ซึ่งไม่เหมาะกับความถี่ RF/ไมโครเวฟ
  • การวิเคราะห์กำลังไฟฟ้า เกี่ยวข้องโดยตรงกับการถ่ายเท ของพลังงาน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งาน RF และไมโครเวฟเป็นอย่างมาก
  • วิธีการวัดง่าย สามารถใช้เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายวัดพารามิเตอร์ S ได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบแบบใช้ prob ในการตรวจวัด

หลักพื้นฐานของเครื่่องวิเคราะห์เครือข่าย

ประเภทเครื่องวิเคราะห์โครงข่าย

  1. เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายเวกเตอร์ (VNA) วัดทั้งขนาดและเฟสของพารามิเตอร์ S
  2. เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายสเกลาร์ (SNA) วัดเฉพาะขนาดเท่านั้น (ราคาถูกกว่าแต่มีข้อจำกัด)

ส่วนประกอบหลัก VNA ประกอบด้วย

  1. แหล่งกำเนิดสัญญาณ กวาดความถี่ที่ต้องการ
  2. ตัวเชื่อม/ตัวแยกทิศทาง เพื่อแยกคลื่นตกกระทบและคลื่นสะท้อน
  3. ตัวรับหรือภาครับ ในการตรวจจับแอมพลิจูดและเฟสของสัญญาณ

การตั้งค่าหรือการ Calibration

การ Calibration เป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการขจัดข้อผิดพลาดของระบบ โดยทั่วไปมี  2 แบบคือ

  • SOLT (Short-Open-Load-Thru) การ calibrationที่มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน ใช้ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากสายสัญญาณ หัวสาย และตัวเครื่อง VNA ซึ่งเป็นการวัดตามมาตรฐานอ้างอิงที่ถูกต้อง
  • TRL (Thru-Reflect-Line) การ calibrationที่มีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ใช้เพิ่มความแม่นยำให้สูงขึ้น โดยที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับ สภาพแวดล้อมที่ไม่มีขั้วต่อ เช่น PCB โพรบบนเวเฟอร์ เป็นต้น

การวัดค่าพารามิเตอร์ S

1. การวัดค่าพอร์ตเดียวเทียบกับหลายพอร์ต

  • Single port วัด S11  ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อน
  • Two port วัดแบบเต็มระบบ  S11, S12,  S21, S22

2. ขั้นตอนการวัดทีละขั้นตอน

  1. เชื่อมต่อ DUT (อุปกรณ์ที่ทดสอบ) กับ VNA โดยใช้สายเคเบิลที่เหมาะสม
  2. เลือกช่วงความถี่ (เช่น 1 GHz ถึง 10 GHz)
  3. ดำเนินการสอบเทียบ (SOLT/TRL)
  4. เริ่มการกวาดและบันทึกพารามิเตอร์ S
  5. วิเคราะห์ข้อมูล (แผนภูมิ Smith Chart, กราฟขนาด/เฟส)

การแปรข้อมูลพารามิเตอร์ S

  1. การวิเคราะห์ขนาดและเฟส
    - ขนาด (dB): S21Insertion loss/gain,  S11 Return loss (คุณภาพการจับคู่)
    - เฟส: ระบุเวลาหน่วงและการกระจายตัว
  2. การแสดงแผนภูมิสมิธชาร์ต
    แผนภูมิสมิธชาร์ตแสดงการจับคู่ค่าอิมพีแดนซ์
    - จุดศูนย์กลาง 50Ω ( จับคู่ตรงกันอย่างสมบูรณ์)
    - วงกลมด้านนอก มีการสะท้อน (reflection) สูง

ความท้าทายและแนวทางแก้ไขทั่วไป

  1. ข้อผิดพลาดในการวัดและการตั้งค่าCalibration เช่น งอสายเคเบิล ทำให้เฟสไม่เสถียร นอกจากนี้ ความสามารถในการทำซ้ำ ของข้อต่อสาย ต้องใช้ประแจแรงบิดเพื่อให้เชื่อมต่อสม่ำเสมอ
  2. เงื่อนไขการวัดอื่นๆ การหาค่าเฉลี่ยของสัญญาณรบกวน เพิ่มจุดกวาดหรือปัจจัยการหาค่าเฉลี่ย มีผลต่อการแปรค่าของพารามิเตอร์ S

การนำพารามิเตอร์ S ไปประยุกต์ใช้งาน

  1. วิศวกรรมไฟฟ้าด้านการสื่อสาร RF และไมโครเวฟ การออกแบบเสาอากาศ การกำหนดลักษณะของตัวกรองการวิเคราะห์เสถียรภาพของตัวขยายสัญญาณ
  2. การออกแบบวงจรดิจิทัลความเร็วสูง
  3. การวิเคราะห์วงจร PCB การประเมินครอสทอล์ค หรือการสูญเสีย

บทสรุป

พารามิเตอร์ S มีกรอบทำงานในการวัดและแสดงคุณภาพ ในการวิเคราะห์เครือข่ายความถี่สูง เทคนิคการวัด การตั้งค่า Calibration และการแปรผลพารามิเตอร์ที่เหมาะสม พารามิเตอร์ S จึงสำคัญต่อการทำให้ผลลัพธ์แม่นยำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใน RF ไมโครเวฟ หรือแอปพลิเคชันวงจรดิจิทัลความเร็วสูง การเรียนรู้พารามิเตอร์ S จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบและการแก้ไขปัญหาระบบเครือข่ายสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ