เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายเป็นเครื่องมือสำคัญในวิศวกรรม RF (คลื่นความถี่วิทยุ) และไมโครเวฟ ทำหน้าที่กำหนดลักษณะเครือข่ายไฟฟ้าด้วยการวัดพารามิเตอร์ การกระเจิง (พารามิเตอร์ S)
ในบทความนี้จะกล่าวถึงหลักการพื้นฐาน ประเภท การทำงาน และการใช้งานเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย โดยเน้นไปที่บทบาทของเครื่องในระบบสื่อสารสมัยใหม่ การอภิปรายจะรวมถึงเทคนิคการตั้งค่า Calibration ข้อผิดพลาดทั่วไป และความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย
เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายเป็นเครื่องมือซับซ้อนที่ใช้วัดคุณสมบัติทางไฟฟ้าในส่วน ประกอบความถี่สูงเช่น ตัวกรอง การขยายสัญญาณ สายอากาศ และสายส่ง โดยการวิเคราะห์ว่าอุปกรณ์ตอบสนองต่อความถี่แต่ละประเภทอย่างไร วิศวกรจึงจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในระบบสื่อสาร เรดาร์ และเทคโนโลยีไร้สายได้
เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายมี 2 ประเภทได้แก่
- เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายสเกลาร์ (SNA) – วัดการตอบสนองเฉพาะขนาด
- เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายเวกเตอร์ (VNA) – วัดทั้งขนาดและเฟส โดยให้พารามิเตอร์ S ที่ซับซ้อน
หลักการพื้นฐานของเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย
พารามิเตอร์ S (พารามิเตอร์การกระเจิง)
พารามิเตอร์ S อธิบายการแพร่กระจายพลังงาน RF ผ่านเครือข่าย สำหรับเครือข่าย 2 PORT
S11: ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนอินพุต (การสูญเสียการส่งกลับ)
S21: อัตราขยายหรือค่าเกนการส่งไปข้างหน้า
S12: อัตราขยายหรือค่าเกนการส่งย้อนกลับ
S22: ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนเอาต์พุต
พารามิเตอร์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับความถี่และแสดงเป็นจำนวนตัวเลขเชิงซ้อน (ขนาดและเฟส)
ลักษณะสถาปัตยกรรมเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย
VNA ทั่วไปประกอบไปด้วย
- แหล่งกำเนิดสัญญาณ กวาดสัญญาณข้ามช่วงความถี่
- ชุดทดสอบ ส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ที่ทดสอบ (DUT)
- ตัวรับหรือภาครับ วัดคลื่นที่ตกกระทบ คลื่นที่สะท้อน และคลื่นที่ส่งผ่าน
- โปรเซสเซอร์ คำนวณพารามิเตอร์ S และแสดงผลลัพธ์
ประเภทเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย
1. เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายสเกลาร์ (SNA)
- วัดเฉพาะขนาดสัญญาณเท่านั้น (ไม่มีข้อมูลเฟส)
- ใช้สำหรับวัด insertion loss และ return loss พื้นฐาน
- ราคาถูกแต่มีข้อจำกัดในการใช้งานขั้นสูง
2. เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายเวกเตอร์ 2 เครื่อง (VNA)
- วัดทั้งขนาดและเฟส
- ให้ลักษณะเฉพาะพารามิเตอร์ S อย่างสมบูรณ์
- จำเป็นสำหรับการจับคู่ค่าอิมพีแดนซ์และการออกแบบตัวกรอง
3. เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายสัญญาณขนาดใหญ่ (LSNA)
- ใช้สำหรับระบุลักษณะอุปกรณ์ที่ไม่เป็นเชิงเส้นเช่น เครื่องขยายเสียง เป็นต้น
- วัดความเพี้ยนฮาร์มอนิกและผลกระทบของการบีบอัด (Compression Effect)
หลักการทำงานของเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย
โหมดการกวาดความถี่ Frequency Sweep Modes
- การกวาดเชิงเส้นที่ชั้นความถี่เท่ากัน เช่น ความถี่ 1 GHz ถึง 2 GHz ในความถี่ 100 MHz
- การกวาดลอการิทึม แบบเลขชี้กำลัง มีประโยชน์สำหรับการวัดแบนด์กว้าง
- การกวาดแบบแบ่งส่วน ช่วงความถี่ที่กำหนดเองด้วยขนาดขั้นตอนที่แตกต่างกัน
เทคนิคการตั้งค่า Calibration
การตั้งค่า Calibration จะขจัดข้อผิดพลาดเชิงระบบโดยใช้มาตรฐานที่ทราบกันดี คือ
- SOLT (Short-Open-Load-Thru) ใช้ในการวัดแบบโคแอกเซียล
- Thru-Reflect-Line (TRL) ใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่โคแอกเซียล
- การ calibration แบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Cal) โมดูลการcalibrateอัตโนมัติ
ข้อผิดพลาดในการวัดที่อาจจะเกิดขึ้นทั่วไป
- ข้อผิดพลาดเชิงระบบที่เกิดขึ้นซ้ำได้ เช่น การจับคู่ผิดพลาด
- ข้อผิดพลาดแบบสุ่ม สัญญาณรบกวนและการดริฟท์
- ข้อผิดพลาดการดริฟท์ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่ส่งผลต่อเสถียรภาพ
การใช้งานเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย
- การทดสอบส่วนประกอบ RF และไมโครเวฟได้แก่ ตัวกรองวัดพาสแบนด์ สต็อปแบนด์ และค่า insertion loss หรือตัวขยายสัญญาณที่มี การวิเคราะห์ค่าเกน ค่า return loss และความเสถียร รวมถึงการนำไปใช้กับสายอากาศ ที่วิเคราะห์ค่า VSWR (อัตราส่วนคลื่นนิ่งแรงดันไฟ) และประสิทธิภาพการแผ่คลื่น
- ระบบสื่อสารไร้สาย
- เครือข่าย 5G การสร้างบีมและการกำหนดลักษณะของเสาอากาศ MIMO
- การสื่อสารผ่านดาวเทียม การทดสอบทรานสปอนเดอร์และส่วนประกอบท่อนำคลื่น - วงจรดิจิทัลความเร็วสูง
- วงจร PCB การจับคู่ค่าอิมพีแดนซ์และความสมบูรณ์ของสัญญาณ
- อินเตอร์คอนเนคต: การวิเคราะห์พารามิเตอร์ S สำหรับระบบที่มีอัตราส่งถ่ายข้อมูลสูง
ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีเครื่องวิเคราะห์เครือข่าย
- VNA แบบพกพาและแบบ USB ที่มีขนาดกะทัดรัด ต้นทุนต่ำสำหรับการวัดในพื้นที่ต่างๆให้สะดวกขึ้น
- การวัดแบบ Nonlinear และแบบพัลส์ สำหรับ การทดสอบเครื่องขยายเสียงโดยเครื่องวิเคราะห์เครือข่ายสัญญาณขนาด ใหญ่ (Large-signal network analyzers:LSNAs)
- การบูรณาการซอฟต์แวร์สร้างโมเดลจำลอง(Simulation)
สรุป
เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในวิศวกรรม RF และไมโครเวฟ ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับประสิทธิภาพของอุปกรณ์ผ่านการวิเคราะห์พารามิเตอร์ S ตั้งแต่การวัดสเกลาร์พื้นฐานไปจนถึงการกำหนดลักษณะตาม เวกเตอร์ขั้นสูง เครื่องมือนี้ช่วยให้ปรับแต่งระบบการสื่อสาร เรดาร์ และวงจรดิจิทัลความเร็วสูงได้อย่างแม่นยำ เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น เครื่องวิเคราะห์เครือข่ายก็จะพัฒนาด้านความแม่นยำ ความสามารถในการพกพา และการบูรณาการกับแพลตฟอร์มจำลองหรือโมเดลต่างๆ ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในอนาคต