พื้นฐาน AUTOSAR: แนวคิดหลักสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ

บทความนี้เจาะลึกแนวคิดหลัก AUTOSAR ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน

พื้นฐาน AUTOSAR: แนวคิดหลักสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ

AUTOSAR (Automotive Open System Architecture) พันธมิตรด้านการพัฒนาระดับโลกที่นำเสนอสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ที่เป็นมาตรฐานสำหรับชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (ECU) AUTOSAR ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความสามารถในการนำซอฟต์แวร์กลับมาใช้ใหม่ ความสามารถในการปรับลดขนาดที่เหมาะสม และการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ยานยนต์ที่แตกต่างกัน

ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นอันเนื่องมาจากความก้าวหน้าด้านพลังงานไฟฟ้า การขับขี่แบบอัตโนมัติ และยานยนต์เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต AUTOSAR จึงต้องรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น การมีกรอบการทำงานที่ต้องประกอบไปด้วยโครงสร้างที่ช่วยลดความยุ่งยากในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ลดต้นทุน และเร่งระยะเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด

ประวัติและวิวัฒนาการของ AUTOSAR

AUTOSAR ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 โดยบริษัทผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ ได้แก่ BMW, Bosch, Continental, Daimler, Ford, GM, PSA, Toyota และ Volkswagen โครงการริเริ่มนี้มุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการพัฒนาที่ซ้ำซ้อน และปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ผลิตอุปกรณ์ (OEM) และซัพพลายเออร์

ลำดับการพัฒนาการที่สำคัญของ AUTOSAR มีรายละเอียดดังนี้

  • ปี ค.ศ. 2003 ก่อตั้งพันธมิตร AUTOSAR
  • ปี ค.ศ. 2006 เปิดตัวข้อกำหนดเบื้องต้น (AUTOSAR 3.0)
  • ปี ค.ศ. 2017 เปิดตัว Adaptive AUTOSAR สำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) และยานยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • ประมาณทศวรรษ 2020 มีการขยายไปสู่การขับขี่อัตโนมัติ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการอัปเดตผ่านระบบไร้สาย (OTA) จนในปัจจุบัน AUTOSAR ถือเป็นมาตรฐานโดยพฤตินัยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ โดยได้รับการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ

ทำไมต้อง AUTOSAR ? มีความสำคัญอย่างไรในการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์

รถยนต์สมัยใหม่มี ECU มากกว่า 100 ตัว ซึ่งแต่ละตัวทำงานด้วยซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนสำหรับฟังก์ชันต่างๆ เช่น การควบคุมเครื่องยนต์ ระบบบันเทิง Entertainment และ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems: ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง) หากไม่มีมาตรฐานนี้ การจัดการระบบเหล่านี้จะไม่มีประสิทธิภาพ

ข้อดีของ AUTOSAR

  •  การสร้างมาตรฐาน รับรองความเข้ากันได้ระหว่างผู้จำหน่ายที่หลากหลาย
  •  การนำกลับมาใช้ใหม่ ลดขั้นตอนการพัฒนาที่ซ้ำซ้อน
  • ความสามารถในการปรับขนาด รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์และฟีเจอร์ใหม่ๆ
  • อิสระจากฮาร์ดแวร์ แยกซอฟต์แวร์ออกจากการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์
  • การบำรุงรักษาที่ดีขึ้น ลดความยุ่งยากในการดีบักและการอัปเดต

ภาพรวมสถาปัตยกรรม AUTOSAR

AUTOSAR ปฏิบัติตามสถาปัตยกรรมแบบหลายชั้น (multi-layers) เพื่อแยกส่วนประกอบซอฟต์แวร์ตามฟังก์ชันการทำงาน

  1.  สถาปัตยกรรมแบบเลเยอร์

สแต็ก AUTOSAR ประกอบด้วยเลเยอร์หลักสามเลเยอร์ ได้แก่

  • เลเยอร์แอปพลิเคชัน ประกอบด้วยส่วนประกอบซอฟต์แวร์ (SWC) สำหรับฟังก์ชันต่างๆ ของยานพาหนะ
  • สภาพแวดล้อมรันไทม์ (RTE) จัดการการสื่อสารระหว่าง SWC
  • ซอฟต์แวร์พื้นฐาน (BSW) จัดเตรียมการแยกส่วนฮาร์ดแวร์และการบริการ
  1. ซอฟต์แวร์พื้นฐาน (BSW) BSW แบ่งออกเป็นหลายโมดูล 
  • ชั้นไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCAL) เชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์โดยตรง
  • ชั้น ECU ให้การเข้าถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงตามมาตรฐาน
  • ชั้น Services ให้บริการระบบ เช่น การวินิจฉัย การจัดการหน่วยความจำ
  1. สภาพแวดล้อมรันไทม์ (RTE) RTE ทำหน้าที่เป็นมิดเดิลแวร์ที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่าง SWC เป็นไปได้โดยใช้แนวคิด Virtual Functional Bus (VFB)
  2. ชั้นแอปพลิเคชัน ชั้นนี้ประกอบด้วยส่วนประกอบซอฟต์แวร์ (SWC) ที่ใช้ฟังก์ชันเฉพาะของยานพาหนะ เช่น การควบคุมเบรก การจัดการระบบส่งกำลัง

แนวคิดหลักของ AUTOSAR

  1. การสร้างมาตรฐานและการนำกลับมาใช้ใหม่ AUTOSAR กำหนดอินเทอร์เฟซมาตรฐาน ซึ่งช่วยให้สามารถนำส่วนประกอบซอฟต์แวร์กลับมาใช้ซ้ำได้ใน ECU และรถยนต์รุ่นต่างๆ
  2. ความเป็นโมดูลาร์และความสามารถในการปรับขนาด การออกแบบแบบโมดูลาร์ช่วยให้สามารถผสานรวมฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแบบใหม่
  3. การแยกส่วนฮาร์ดแวร์ BSW ย่อส่วนการพึ่งพาฮาร์ดแวร์ ซึ่งช่วยให้ซอฟต์แวร์สามารถทำงานบนไมโครคอนโทรลเลอร์ที่แตกต่างกันได้
  4. รูปแบบส่วนประกอบซอฟต์แวร์ SWC ประกอบด้วยฟังก์ชันการทำงานเฉพาะและสื่อสารผ่านพอร์ตที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
  5. บัสฟังก์ชันเสมือน (VFB) VFB เป็นกรอบแนวคิดการสื่อสารที่ช่วยให้ SWC สามารถโต้ตอบกันได้โดยไม่ต้องรู้ตำแหน่งที่ตั้งทางกายภาพ

ขั้นตอนการทำงานและวิธีการของ AUTOSAR

  • การกำหนดค่าระบบ กำหนดเครือข่ายรถยนต์โดยรวม รวมถึง ECU และบัสสื่อสาร (CAN, LIN, Ethernet)
  • การกำหนดค่า ECU กำหนดค่า ECU แต่ละตัว รวมถึงโมดูล BSW และ SWC
  • การสร้างและบูรณาการโค้ด เครื่องมือของ AUTOSAR เช่น Vector DaVinci, ETAS ISOLAR สร้างโค้ดจากไฟล์กำหนดค่า จากนั้นจึงคอมไพล์และแฟลชลงบน ECU

แพลตฟอร์ม AUTOSAR แบบปรับตัวเทียบกับแพลตฟอร์มแบบคลาสสิก

  • AUTOSAR แบบคลาสสิก (CP) ออกแบบมาสำหรับระบบเรียลไทม์แบบฮาร์ด เช่น การควบคุมเครื่องยนต์ และใช้การกำหนดค่าแบบคงที่พร้อมการกำหนดเวลาแบบตายตัว
  •  AUTOSAR แบบปรับตัว (AP) ออกแบบมาสำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง เช่น การขับขี่อัตโนมัติ และรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบไดนามิกและระบบปฏิบัติการแบบ POSIX

สรุป

AUTOSAR คือรากฐานสำคัญของการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์สมัยใหม่ ช่วยให้เกิดการสร้างมาตรฐาน การนำกลับมาใช้ใหม่ และความสามารถในการปรับขนาด เมื่อยานยนต์มีการกำหนดซอฟต์แวร์มากขึ้น AUTOSAR จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่ต่อไปในอนาคต

บทความที่เกี่ยวข้อง

พื้นฐาน AUTOSAR: แนวคิดหลักสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ

บทความนี้เจาะลึกแนวคิดหลัก AUTOSAR ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน

นักเขียนบทความ
by 
นักเขียนบทความ
พื้นฐาน AUTOSAR: แนวคิดหลักสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ

พื้นฐาน AUTOSAR: แนวคิดหลักสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ

บทความนี้เจาะลึกแนวคิดหลัก AUTOSAR ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน

AUTOSAR (Automotive Open System Architecture) พันธมิตรด้านการพัฒนาระดับโลกที่นำเสนอสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ที่เป็นมาตรฐานสำหรับชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (ECU) AUTOSAR ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความสามารถในการนำซอฟต์แวร์กลับมาใช้ใหม่ ความสามารถในการปรับลดขนาดที่เหมาะสม และการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ยานยนต์ที่แตกต่างกัน

ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นอันเนื่องมาจากความก้าวหน้าด้านพลังงานไฟฟ้า การขับขี่แบบอัตโนมัติ และยานยนต์เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต AUTOSAR จึงต้องรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น การมีกรอบการทำงานที่ต้องประกอบไปด้วยโครงสร้างที่ช่วยลดความยุ่งยากในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ลดต้นทุน และเร่งระยะเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด

ประวัติและวิวัฒนาการของ AUTOSAR

AUTOSAR ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 โดยบริษัทผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ ได้แก่ BMW, Bosch, Continental, Daimler, Ford, GM, PSA, Toyota และ Volkswagen โครงการริเริ่มนี้มุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการพัฒนาที่ซ้ำซ้อน และปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ผลิตอุปกรณ์ (OEM) และซัพพลายเออร์

ลำดับการพัฒนาการที่สำคัญของ AUTOSAR มีรายละเอียดดังนี้

  • ปี ค.ศ. 2003 ก่อตั้งพันธมิตร AUTOSAR
  • ปี ค.ศ. 2006 เปิดตัวข้อกำหนดเบื้องต้น (AUTOSAR 3.0)
  • ปี ค.ศ. 2017 เปิดตัว Adaptive AUTOSAR สำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) และยานยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • ประมาณทศวรรษ 2020 มีการขยายไปสู่การขับขี่อัตโนมัติ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการอัปเดตผ่านระบบไร้สาย (OTA) จนในปัจจุบัน AUTOSAR ถือเป็นมาตรฐานโดยพฤตินัยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ โดยได้รับการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ

ทำไมต้อง AUTOSAR ? มีความสำคัญอย่างไรในการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์

รถยนต์สมัยใหม่มี ECU มากกว่า 100 ตัว ซึ่งแต่ละตัวทำงานด้วยซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนสำหรับฟังก์ชันต่างๆ เช่น การควบคุมเครื่องยนต์ ระบบบันเทิง Entertainment และ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems: ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง) หากไม่มีมาตรฐานนี้ การจัดการระบบเหล่านี้จะไม่มีประสิทธิภาพ

ข้อดีของ AUTOSAR

  •  การสร้างมาตรฐาน รับรองความเข้ากันได้ระหว่างผู้จำหน่ายที่หลากหลาย
  •  การนำกลับมาใช้ใหม่ ลดขั้นตอนการพัฒนาที่ซ้ำซ้อน
  • ความสามารถในการปรับขนาด รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์และฟีเจอร์ใหม่ๆ
  • อิสระจากฮาร์ดแวร์ แยกซอฟต์แวร์ออกจากการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์
  • การบำรุงรักษาที่ดีขึ้น ลดความยุ่งยากในการดีบักและการอัปเดต

ภาพรวมสถาปัตยกรรม AUTOSAR

AUTOSAR ปฏิบัติตามสถาปัตยกรรมแบบหลายชั้น (multi-layers) เพื่อแยกส่วนประกอบซอฟต์แวร์ตามฟังก์ชันการทำงาน

  1.  สถาปัตยกรรมแบบเลเยอร์

สแต็ก AUTOSAR ประกอบด้วยเลเยอร์หลักสามเลเยอร์ ได้แก่

  • เลเยอร์แอปพลิเคชัน ประกอบด้วยส่วนประกอบซอฟต์แวร์ (SWC) สำหรับฟังก์ชันต่างๆ ของยานพาหนะ
  • สภาพแวดล้อมรันไทม์ (RTE) จัดการการสื่อสารระหว่าง SWC
  • ซอฟต์แวร์พื้นฐาน (BSW) จัดเตรียมการแยกส่วนฮาร์ดแวร์และการบริการ
  1. ซอฟต์แวร์พื้นฐาน (BSW) BSW แบ่งออกเป็นหลายโมดูล 
  • ชั้นไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCAL) เชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์โดยตรง
  • ชั้น ECU ให้การเข้าถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงตามมาตรฐาน
  • ชั้น Services ให้บริการระบบ เช่น การวินิจฉัย การจัดการหน่วยความจำ
  1. สภาพแวดล้อมรันไทม์ (RTE) RTE ทำหน้าที่เป็นมิดเดิลแวร์ที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่าง SWC เป็นไปได้โดยใช้แนวคิด Virtual Functional Bus (VFB)
  2. ชั้นแอปพลิเคชัน ชั้นนี้ประกอบด้วยส่วนประกอบซอฟต์แวร์ (SWC) ที่ใช้ฟังก์ชันเฉพาะของยานพาหนะ เช่น การควบคุมเบรก การจัดการระบบส่งกำลัง

แนวคิดหลักของ AUTOSAR

  1. การสร้างมาตรฐานและการนำกลับมาใช้ใหม่ AUTOSAR กำหนดอินเทอร์เฟซมาตรฐาน ซึ่งช่วยให้สามารถนำส่วนประกอบซอฟต์แวร์กลับมาใช้ซ้ำได้ใน ECU และรถยนต์รุ่นต่างๆ
  2. ความเป็นโมดูลาร์และความสามารถในการปรับขนาด การออกแบบแบบโมดูลาร์ช่วยให้สามารถผสานรวมฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแบบใหม่
  3. การแยกส่วนฮาร์ดแวร์ BSW ย่อส่วนการพึ่งพาฮาร์ดแวร์ ซึ่งช่วยให้ซอฟต์แวร์สามารถทำงานบนไมโครคอนโทรลเลอร์ที่แตกต่างกันได้
  4. รูปแบบส่วนประกอบซอฟต์แวร์ SWC ประกอบด้วยฟังก์ชันการทำงานเฉพาะและสื่อสารผ่านพอร์ตที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
  5. บัสฟังก์ชันเสมือน (VFB) VFB เป็นกรอบแนวคิดการสื่อสารที่ช่วยให้ SWC สามารถโต้ตอบกันได้โดยไม่ต้องรู้ตำแหน่งที่ตั้งทางกายภาพ

ขั้นตอนการทำงานและวิธีการของ AUTOSAR

  • การกำหนดค่าระบบ กำหนดเครือข่ายรถยนต์โดยรวม รวมถึง ECU และบัสสื่อสาร (CAN, LIN, Ethernet)
  • การกำหนดค่า ECU กำหนดค่า ECU แต่ละตัว รวมถึงโมดูล BSW และ SWC
  • การสร้างและบูรณาการโค้ด เครื่องมือของ AUTOSAR เช่น Vector DaVinci, ETAS ISOLAR สร้างโค้ดจากไฟล์กำหนดค่า จากนั้นจึงคอมไพล์และแฟลชลงบน ECU

แพลตฟอร์ม AUTOSAR แบบปรับตัวเทียบกับแพลตฟอร์มแบบคลาสสิก

  • AUTOSAR แบบคลาสสิก (CP) ออกแบบมาสำหรับระบบเรียลไทม์แบบฮาร์ด เช่น การควบคุมเครื่องยนต์ และใช้การกำหนดค่าแบบคงที่พร้อมการกำหนดเวลาแบบตายตัว
  •  AUTOSAR แบบปรับตัว (AP) ออกแบบมาสำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง เช่น การขับขี่อัตโนมัติ และรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบไดนามิกและระบบปฏิบัติการแบบ POSIX

สรุป

AUTOSAR คือรากฐานสำคัญของการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์สมัยใหม่ ช่วยให้เกิดการสร้างมาตรฐาน การนำกลับมาใช้ใหม่ และความสามารถในการปรับขนาด เมื่อยานยนต์มีการกำหนดซอฟต์แวร์มากขึ้น AUTOSAR จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่ต่อไปในอนาคต

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique. Duis cursus, mi quis viverra ornare, eros dolor interdum nulla, ut commodo diam libero vitae erat. Aenean faucibus nibh et justo cursus id rutrum lorem imperdiet. Nunc ut sem vitae risus tristique posuere.

พื้นฐาน AUTOSAR: แนวคิดหลักสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ

พื้นฐาน AUTOSAR: แนวคิดหลักสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ

บทความนี้เจาะลึกแนวคิดหลัก AUTOSAR ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน

Lorem ipsum dolor amet consectetur adipiscing elit tortor massa arcu non.

AUTOSAR (Automotive Open System Architecture) พันธมิตรด้านการพัฒนาระดับโลกที่นำเสนอสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ที่เป็นมาตรฐานสำหรับชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (ECU) AUTOSAR ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความสามารถในการนำซอฟต์แวร์กลับมาใช้ใหม่ ความสามารถในการปรับลดขนาดที่เหมาะสม และการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ยานยนต์ที่แตกต่างกัน

ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นอันเนื่องมาจากความก้าวหน้าด้านพลังงานไฟฟ้า การขับขี่แบบอัตโนมัติ และยานยนต์เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต AUTOSAR จึงต้องรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น การมีกรอบการทำงานที่ต้องประกอบไปด้วยโครงสร้างที่ช่วยลดความยุ่งยากในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ลดต้นทุน และเร่งระยะเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด

ประวัติและวิวัฒนาการของ AUTOSAR

AUTOSAR ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 โดยบริษัทผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ ได้แก่ BMW, Bosch, Continental, Daimler, Ford, GM, PSA, Toyota และ Volkswagen โครงการริเริ่มนี้มุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการพัฒนาที่ซ้ำซ้อน และปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ผลิตอุปกรณ์ (OEM) และซัพพลายเออร์

ลำดับการพัฒนาการที่สำคัญของ AUTOSAR มีรายละเอียดดังนี้

  • ปี ค.ศ. 2003 ก่อตั้งพันธมิตร AUTOSAR
  • ปี ค.ศ. 2006 เปิดตัวข้อกำหนดเบื้องต้น (AUTOSAR 3.0)
  • ปี ค.ศ. 2017 เปิดตัว Adaptive AUTOSAR สำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) และยานยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • ประมาณทศวรรษ 2020 มีการขยายไปสู่การขับขี่อัตโนมัติ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการอัปเดตผ่านระบบไร้สาย (OTA) จนในปัจจุบัน AUTOSAR ถือเป็นมาตรฐานโดยพฤตินัยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ โดยได้รับการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ

ทำไมต้อง AUTOSAR ? มีความสำคัญอย่างไรในการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์

รถยนต์สมัยใหม่มี ECU มากกว่า 100 ตัว ซึ่งแต่ละตัวทำงานด้วยซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนสำหรับฟังก์ชันต่างๆ เช่น การควบคุมเครื่องยนต์ ระบบบันเทิง Entertainment และ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems: ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง) หากไม่มีมาตรฐานนี้ การจัดการระบบเหล่านี้จะไม่มีประสิทธิภาพ

ข้อดีของ AUTOSAR

  •  การสร้างมาตรฐาน รับรองความเข้ากันได้ระหว่างผู้จำหน่ายที่หลากหลาย
  •  การนำกลับมาใช้ใหม่ ลดขั้นตอนการพัฒนาที่ซ้ำซ้อน
  • ความสามารถในการปรับขนาด รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์และฟีเจอร์ใหม่ๆ
  • อิสระจากฮาร์ดแวร์ แยกซอฟต์แวร์ออกจากการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์
  • การบำรุงรักษาที่ดีขึ้น ลดความยุ่งยากในการดีบักและการอัปเดต

ภาพรวมสถาปัตยกรรม AUTOSAR

AUTOSAR ปฏิบัติตามสถาปัตยกรรมแบบหลายชั้น (multi-layers) เพื่อแยกส่วนประกอบซอฟต์แวร์ตามฟังก์ชันการทำงาน

  1.  สถาปัตยกรรมแบบเลเยอร์

สแต็ก AUTOSAR ประกอบด้วยเลเยอร์หลักสามเลเยอร์ ได้แก่

  • เลเยอร์แอปพลิเคชัน ประกอบด้วยส่วนประกอบซอฟต์แวร์ (SWC) สำหรับฟังก์ชันต่างๆ ของยานพาหนะ
  • สภาพแวดล้อมรันไทม์ (RTE) จัดการการสื่อสารระหว่าง SWC
  • ซอฟต์แวร์พื้นฐาน (BSW) จัดเตรียมการแยกส่วนฮาร์ดแวร์และการบริการ
  1. ซอฟต์แวร์พื้นฐาน (BSW) BSW แบ่งออกเป็นหลายโมดูล 
  • ชั้นไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCAL) เชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์โดยตรง
  • ชั้น ECU ให้การเข้าถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงตามมาตรฐาน
  • ชั้น Services ให้บริการระบบ เช่น การวินิจฉัย การจัดการหน่วยความจำ
  1. สภาพแวดล้อมรันไทม์ (RTE) RTE ทำหน้าที่เป็นมิดเดิลแวร์ที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่าง SWC เป็นไปได้โดยใช้แนวคิด Virtual Functional Bus (VFB)
  2. ชั้นแอปพลิเคชัน ชั้นนี้ประกอบด้วยส่วนประกอบซอฟต์แวร์ (SWC) ที่ใช้ฟังก์ชันเฉพาะของยานพาหนะ เช่น การควบคุมเบรก การจัดการระบบส่งกำลัง

แนวคิดหลักของ AUTOSAR

  1. การสร้างมาตรฐานและการนำกลับมาใช้ใหม่ AUTOSAR กำหนดอินเทอร์เฟซมาตรฐาน ซึ่งช่วยให้สามารถนำส่วนประกอบซอฟต์แวร์กลับมาใช้ซ้ำได้ใน ECU และรถยนต์รุ่นต่างๆ
  2. ความเป็นโมดูลาร์และความสามารถในการปรับขนาด การออกแบบแบบโมดูลาร์ช่วยให้สามารถผสานรวมฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแบบใหม่
  3. การแยกส่วนฮาร์ดแวร์ BSW ย่อส่วนการพึ่งพาฮาร์ดแวร์ ซึ่งช่วยให้ซอฟต์แวร์สามารถทำงานบนไมโครคอนโทรลเลอร์ที่แตกต่างกันได้
  4. รูปแบบส่วนประกอบซอฟต์แวร์ SWC ประกอบด้วยฟังก์ชันการทำงานเฉพาะและสื่อสารผ่านพอร์ตที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
  5. บัสฟังก์ชันเสมือน (VFB) VFB เป็นกรอบแนวคิดการสื่อสารที่ช่วยให้ SWC สามารถโต้ตอบกันได้โดยไม่ต้องรู้ตำแหน่งที่ตั้งทางกายภาพ

ขั้นตอนการทำงานและวิธีการของ AUTOSAR

  • การกำหนดค่าระบบ กำหนดเครือข่ายรถยนต์โดยรวม รวมถึง ECU และบัสสื่อสาร (CAN, LIN, Ethernet)
  • การกำหนดค่า ECU กำหนดค่า ECU แต่ละตัว รวมถึงโมดูล BSW และ SWC
  • การสร้างและบูรณาการโค้ด เครื่องมือของ AUTOSAR เช่น Vector DaVinci, ETAS ISOLAR สร้างโค้ดจากไฟล์กำหนดค่า จากนั้นจึงคอมไพล์และแฟลชลงบน ECU

แพลตฟอร์ม AUTOSAR แบบปรับตัวเทียบกับแพลตฟอร์มแบบคลาสสิก

  • AUTOSAR แบบคลาสสิก (CP) ออกแบบมาสำหรับระบบเรียลไทม์แบบฮาร์ด เช่น การควบคุมเครื่องยนต์ และใช้การกำหนดค่าแบบคงที่พร้อมการกำหนดเวลาแบบตายตัว
  •  AUTOSAR แบบปรับตัว (AP) ออกแบบมาสำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง เช่น การขับขี่อัตโนมัติ และรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบไดนามิกและระบบปฏิบัติการแบบ POSIX

สรุป

AUTOSAR คือรากฐานสำคัญของการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์สมัยใหม่ ช่วยให้เกิดการสร้างมาตรฐาน การนำกลับมาใช้ใหม่ และความสามารถในการปรับขนาด เมื่อยานยนต์มีการกำหนดซอฟต์แวร์มากขึ้น AUTOSAR จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่ต่อไปในอนาคต

Related articles