หน่วยวัดแรงเฉื่อย (Inertial Measurement Units: IMU) เป็นองค์ประกอบสำคัญในระบบนำทาง หุ่นยนต์ และระบบติดตามการเคลื่อนไหวสมัยใหม่ อุปกรณ์เหล่านี้ผสานรวมเซ็นเซอร์หลายชนิด เพื่อวัดแรงต่าง ๆ อัตราเชิงมุม และทิศทางของวัตถุ ดังนั้น การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐาน ประเภทของเซ็นเซอร์ รวมถึงการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาการดริฟต์ของเซ็นเซอร์ การสอบเทียบ รวมถึงความก้าวหน้าในอัลกอริทึมการรวมข้อมูลจากหลายเซ็นเซอร์
การตรวจจับการเคลื่อนไหวมีบทบาทสำคัญต่อแอปพลิเคชันหลากหลาย ตั้งแต่ระบบนำทางในอวกาศไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป IMU เป็นอุปกรณ์ที่รวบรวมเครื่องวัดความเร่ง (accelerometer), ไจโรสโคป (gyroscope) และบางครั้งรวมถึงแมกนีโตมิเตอร์ (magnetometer) เข้าด้วยกัน เพื่อวัดการเคลื่อนที่ของวัตถุในสามแกน นอกจากนี้ IMU ยังได้รับความนิยมในหุ่นยนต์ กล้องเสมือนจริง (VR) โดรน และยานยนต์ไร้คนขับ เพราะสามารถให้ข้อมูลการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ได้โดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลอ้างอิงจากภายนอก
IMU โดยทั่วไปประกอบด้วยเซ็นเซอร์ดังต่อไปนี้
1. เครื่องวัดความเร่ง
เครื่องวัดความเร่งจะวัดความเร่งเชิงเส้นตามแกนตั้งฉากสามแกน (X, Y, Z) โดยทำงานโดยอาศัยการเคลื่อนตัวของมวลน้ำหนักภายใต้ความเร่ง โดยแปลงการเคลื่อนที่เชิงกลเป็นสัญญาณไฟฟ้า ได้แก่
2. ไจโรสโคป
ไจโรสโคปวัดความเร็วเชิงมุมโดยตรวจจับการเคลื่อนที่แบบหมุนรอบแกนทั้งสาม IMU สมัยใหม่ใช้ไจโรสโคป แบบ MEMS เป็นหลัก ซึ่งอาศัยผลของหลักการ Coriolis ซึ่งโครงสร้างที่สั่นสะเทือนจะเคลื่อนที่เมื่อหมุน
3. แมกนีโตมิเตอร์
IMU บางตัวมีแมกนีโตมิเตอร์สำหรับวัดสนามแม่เหล็กของโลก ซึ่งช่วยในการประมาณทิศทาง (คล้ายกับเข็มทิศ) อย่างไรก็ตาม แมกนีโตมิเตอร์อาจได้รับผลกระทบจากการรบกวนจากสนามแม่เหล็ก
4. การรวมเซ็นเซอร์
ข้อมูล IMU แบบดิบมีแนวโน้มที่จะเกิดสัญญาณรบกวนและการดริฟท์ จึงต้องมีอัลกอริทึมการรวมเซ็นเซอร์ ยกตัวอย่างเช่น ตัวกรอง Kalman หรือตัวกรอง Madgwick จะรวมข้อมูลของเครื่องวัดความเร่ง ไจโรสโคป และแมกนีโตมิเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อปรับปรุงความแม่นยำ
IMU ถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรมเนื่องจากมีความคล่องตัวและพกพาสะดวก
แม้ IMU จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ต้องเผชิญกับข้อจำกัด เช่น
IMU เป็นเทคโนโลยีสำคัญในระบบติดตามและนำทางการเคลื่อนไหวสมัยใหม่ แม้จะมีข้อจำกัดด้านการดริฟต์และการสอบเทียบ แต่ด้วยความก้าวหน้าทางอัลกอริทึมการรวมข้อมูลและเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ ทำให้ IMU มีความแม่นยำสูงขึ้นและมีบทบาทสำคัญในระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน